ทำความรู้จัก “งูเหลือม” (Reticulated Python) สุดยอดนักล่าแห่งเอเชีย
ถ้าพูดถึงงูที่ยาวที่สุดในโลก หลายคนคงนึกถึง “งูเหลือม” (Malayopython reticulatus) ด้วยลวดลายที่โดดเด่นสะดุดตา พละกำลังมหาศาล และการปรับตัวที่น่าทึ่ง ทำให้งูชนิดนี้ทั้งน่าเกรงขามและน่าสนใจไปพร้อมๆ กัน เรามาทำความรู้จักงูเหลือมให้ลึกซึ้งในทุกแง่มุมกันครับ
ชื่อเสียงเรียงนาม
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของงูเหลือมคือ Malayopython reticulatus ครับ หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อเก่าอย่าง Python reticulatus แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ย้ายมันมาอยู่ในสกุลของตัวเองแล้ว ส่วนชื่อ ‘Reticulated’ ก็มาจากภาษาละตินที่แปลว่า ‘ลายตาข่าย’ ซึ่งตรงกับลายบนตัวของมันพอดิบพอดี
- วงศ์: Pythonidae (วงศ์เดียวกับงูหลาม)
- สกุล: Malayopython
รูปร่างหน้าตาและสถิติโลก
- ลวดลาย: เอกลักษณ์ที่เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นงูเหลือมก็คือลาย “ตาข่าย” หรือ “ร่างแห” ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดทั่วลำตัว มีสีพื้นตั้งแต่สีน้ำตาลอมเหลืองไปจนถึงสีดำ ตัดกับลวดลายสีเหลืองหรือครีม เมื่อเจอแสงแดด ผิวของมันจะสะท้อนแสงเป็นสีรุ้งสวยงามมาก
- ขนาด: งูเหลือมครองแชมป์ งูที่ยาวที่สุดในโลก โดยทั่วไปจะยาวประมาณ 3-6 เมตร แต่ตัวใหญ่ๆ อาจยาวได้เกิน 7 เมตรเลยทีเดียว แต่ต้องบอกก่อนว่า แม้งูเหลือมจะยาวที่สุด แต่ถ้าพูดถึงเรื่อง “น้ำหนัก” ต้องยกให้งูอนาคอนดาสีเขียวจากอเมริกาใต้

Source : Infrared sensing in snakes – Wikipedia
ส่วนหัว: บนหัวเรียวยาวของมันจะมี “รูรับความร้อน” (Heat-sensing pits) อยู่ตรงริมฝีปาก ทำหน้าที่เหมือนเซ็นเซอร์อินฟราเรด ช่วยให้มันมองเห็นภาพความร้อนจากตัวเหยื่อได้แม้ในที่มืดสนิท
โรคเยื่อบุช่องปากอักเสบในงูเหลือม ดาวน์โหลด paper
โรคปากอักเสบที่ทำให้เกิดอาการบวม แดง เจ็บ และอักเสบในช่องปากของงู. สาเหตุหลักของโรคนี้คือการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส. อาการที่พบบ่อยของงูที่เป็นโรคปากอักเสบได้แก่ อาการบวมที่เหงือก ปาก จมูก หรือรอบปาก, หนองในปาก, เนื้อเยื่อแดงในช่องปาก, น้ำลายไหลออกมาจากปาก
ถิ่นที่อยู่และการกระจายพันธุ
เราจะพบงูเหลือมได้ทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรานี่เอง ตั้งแต่พม่า ไทย ไปจนถึงมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จุดเด่นของมันคือการปรับตัวเก่งมาก ไม่ว่าจะป่าดิบชื้น ป่าชายเลน หรือทุ่งหญ้าก็อยู่ได้สบายๆ แถมยังว่ายน้ำเก่งจนข้ามไปอยู่ตามเกาะต่างๆ และปรับตัวเข้ากับพื้นที่เกษตรกรรมหรือแม้กระทั่งในเมืองใหญ่ได้อีกด้วย
พฤติกรรมและสไตล์การล่า
โดยปกติ งูเหลือมจะตื่นตัวและออกหากินในเวลากลางคืน สไตล์การล่าของมันคือการซุ่มเงียบๆ รอให้เหยื่อเผลอเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วค่อยพุ่งฉกอย่างรวดเร็ว
วิธีการฆ่าเหยื่อของมันไม่ใช่การรัดให้ขาดอากาศหายใจนะครับ แต่เป็นการสร้างแรงกดมหาศาลจนระบบไหลเวียนเลือดของเหยื่อล้มเหลว ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ ส่งผลให้เหยื่อสลบและหัวใจหยุดเต้นไปเอง ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วกว่ามาก ส่วนนิสัยนั้น โดยธรรมชาตินับว่าค่อนข้างดุและพร้อมสู้ถ้าเจอภัยคุกคามครับ
อาหาร
เมนูอาหารของงูเหลือมก็ขึ้นอยู่กับขนาดตัวเลยครับ งูเด็กๆ ก็จะกินสัตว์เล็กๆ อย่างหนูหรือนก พอโตขึ้นก็อัปเกรดไปล่าเหยื่อที่ใหญ่ขึ้น เช่น เก้ง กวาง หรือหมูป่า ด้วยขากรรไกรที่ออกแบบมาพิเศษ ทำให้มันกลืนเหยื่อที่ตัวใหญ่กว่าหัวของมันได้สบายๆ
การสืบพันธุ์และความเป็นแม่
เรื่องที่น่าทึ่งมากของงูเหลือมคือ “ความเป็นแม่” ครับ หลังจากวางไข่ (ประมาณ 15-80 ฟอง) งูตัวเมียจะขดตัวรอบไข่ของมัน และจะ “สั่น” กล้ามเนื้อเป็นจังหวะเพื่อสร้างความร้อนให้อุณหภูมิสูงขึ้น เป็นการกกไข่เพื่อให้ลูกๆ ฟักตัวออกมาอย่างปลอดภัย ซึ่งหาได้ยากในงูชนิดอื่น โดยงูเหลือมมีอายุขัยเฉลี่ย 15-20 ปี หรืออาจอยู่ได้ถึง 30 ปีในที่เลี้ยง
งูเหลือมกับคน และสถานะในปัจจุบัน
- ความปลอดภัย: หลายคนอาจกังวลว่ามันอันตรายต่อคนไหม? ต้องยอมรับว่ามีข่าวการโจมตีคนอยู่บ้าง แต่ก็น้อยมากๆ ครับ และส่วนใหญ่มักเกิดจากงูขนาดใหญ่มากๆ ที่ตกใจหรือป้องกันตัว ดังนั้น การรักษาระยะห่างและไม่คุกคามจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
- การใช้ประโยชน์: น่าเสียดายที่งูเหลือมมักถูกล่าเพื่อนำหนังไปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ และยังเป็นที่ต้องการในตลาดสัตว์เลี้ยงแปลกใหม่
- สถานะ: ปัจจุบันงูเหลือมยังไม่ถึงกับใกล้สูญพันธุ์ (สถานะ LC) เพราะปรับตัวเก่งและกระจายพันธุ์กว้าง แต่ก็ถูกควบคุมการค้าโดยกฎหมายไซเตส (CITES) ในไทยเอง งูเหลือมก็เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่ห้ามล่าหรือมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ในประเทศไทย: งูเหลือมเป็น สัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
สรุปแล้ว งูเหลือมไม่ใช่แค่งูที่ยาวที่สุดในโลก แต่เป็นสัตว์ที่เต็มไปด้วยความน่าทึ่ง ทั้งความสวยงาม ความแข็งแกร่ง และการปรับตัว การเข้าใจธรรมชาติของพวกมันจะช่วยให้เราสามารถอยู่ร่วมกับหนึ่งในสุดยอดนักล่าแห่งเอเชียได้อย่างปลอดภัย
หากต้องการรู้จักงูเหลือมมากกว่านี้ ต้องการข้อมูลครบถ้วนเพื่อเชยชมงูเหลือมหรือว่าเลี้ยงงูเหลือม นี่คือรายการหนังสือที่เกี่ยวกับงูเหลือม
– งูเหลือมตัวเมียจะตัวใหญ่และหนักกว่าตัวผู้
– มีลวดลายเป็นรูปกากบาท หรือตัว X สีน้ำตาลหรือสีแทน
– ขากรรไกรบนมีฟันสี่แถวโค้งไปทางด้านหลัง ส่วนขากรรไกรล่างมีฟันสองแถว เพื่อช่วยในการงับเหยื่อแล้วลากเข้าไปยังส่วนของหลอดอาหาร
– ไม่มีพิษ แต่ใช้วิธีการฆ่าเหยื่อด้วยการ รัด จนเหยื่อหายใจไม่ออก
– ความยาวเฉลี่ย: ประมาณ 3–6 เมตร แต่บางตัวอาจยาวได้ถึงกว่า 7 เมตร
– น้ำหนัก 100-280 กิโลกรัม โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 150 กิโลกรัม
– อายุขัย หากอยู่ตามธรรมชาติ 20 ปี ในส่วนของงูเลี้ยงประมาณ 23 ปี
– พบเห็นงูเหลือมว่ายน้ำออกกำลังกายในทะเล จึงเป็นไปได้ว่าทำไมจึงพบงูเหลือมได้ตามหมู่เกาะในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก
– จัดเป็นงูที่มีวิวัฒนาการมายาวนาน สังเกตุจากกระดูกสะโพกและส่วนที่ลดรูปลงมาเป็นเดือยที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเหมือนขาหลังของงูดึกดำบรรพ์

Classification
Species: P. reticulatus Kingdom: Animalia
Phylum: Chordata Subphylum: Vertebrata
Class: Reptilia Interesting Facts
Order: Squamata Family: Biodae Genus: Python

กลไกการรับรู้ทางประสาทสัมผัสที่สำคัญของงู
ความไวต่อความร้อน
งูหลายชนิด โดยเฉพาะกลุ่มงูพิษหัวบาตร (Pit Vipers), งูหลาม (Pythons) และงูโบอา (Boas) มีอวัยวะพิเศษที่เรียกว่า “อวัยวะรับความร้อน” (Pit Organs) อยู่ระหว่างดวงตากับรูจมูก อวัยวะนี้สามารถตรวจจับรังสีอินฟราเรดหรือความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายสัตว์เลือดอุ่น ซึ่งช่วยให้งูสามารถ “มองเห็น” ตำแหน่งของเหยื่อผ่านลายเซ็นความร้อนได้ แม้ในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิท
อวัยวะจาคอบสัน (Jacobson’s Organ หรือ Vomeronasal Organ)
งูจะแลบลิ้นที่แยกเป็นสองแฉกเพื่อตรวจจับโมเลกุลในอากาศ แล้วส่งโมเลกุลดังกล่าวไปยังอวัยวะจาคอบสันซึ่งอยู่ที่เพดานปาก อวัยวะนี้จะวิเคราะห์สารเคมีเพื่อช่วยให้งูสามารถรับกลิ่นและติดตามเหยื่อได้อย่างแม่นยำ
การรับกลิ่นที่แม่นยำ
นอกจากอวัยวะจาคอบสันแล้ว งูยังมีระบบรับกลิ่นที่พัฒนาอย่างสูง ช่วยให้สามารถตรวจจับกลิ่นของเหยื่อได้จากระยะไกล
ความสามารถในการรับรู้แรงสั่นสะเทือน
งูสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากพื้นดิน ซึ่งช่วยให้มันตรวจจับการเคลื่อนไหวของสัตว์ที่อาจเป็นเหยื่อ โดยงูจะรับรู้แรงสั่นผ่านกระดูกขากรรไกรและผิวหนัง ช่วยให้สามารถระบุตำแหน่งของเหยื่อที่อาจซ่อนตัวอยู่ได้
การมองเห็น
แม้งูหลายชนิดจะมีสายตาที่ไม่ดีนัก แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่ใช้การมองเห็นในการล่าเหยื่อ โดยเฉพาะงูที่ออกหากินในเวลากลางวัน
*การทำเลสิก ใส่คอนแทคเลนส์หรือว่าตัดแว่น ยังไม่ได้รับความนิยมในหมู่งู
ด้วยความสามารถในการรับรู้หลายด้านที่ทำงานร่วมกันอย่างซับซ้อน งูจึงเป็นนักล่าที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถตรวจจับและจับเหยื่อได้ในหลากหลายสภาพแวดล้อม.