29.2 C
Bangkok
You can buy items in Thailand that seller doesn’t offer international shipping. We buy it on your behalf and forward it to you.
รับสั่งสินค้าจากไทย ส่งไปประเทศที่สามตามความต้องการของลูกค้า

ซิลิคอนแวลลีย์ไม่ใช่แค่เรื่องไอที

Listen to this article
- Advertisement -
Herothailand.com รับสั่งหนังสือต่างประเทศ สินค้าต่างประเทศ
พร้อมรับประกันการจัดส่งถึงบ้าน
ไม่ได้รับสินค้า ยินดีคืนเงินเต็ม 100%
Tel : 08-5464-1644
..........................................

ย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 สมัยที่อินเดียยังอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร ได้มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อรองรับการขยายตัวแบบกึ่งอุตสาหกรรม มีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ วางท่อส่งน้ำยาวหลายกิโลเมตร สร้างโรงไฟฟ้า บังกาลอร์เป็นหนึ่งในหลายเมืองที่มีไฟถนนที่ใช้กระแสไฟฟ้าจากเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปราว 70 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังมีทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ ห้วย หนอง คลองบึงน้อยใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่รอบ ๆ เมืองไม่ต่ำกว่า 1,000 แห่ง

อินเดียประกาศเอกราชจากการปกครองของสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1947
……

Street Scene In British Era Bangalore, Old Postcard 1920.
source : Street Scene In British Era Bangalore, Old PC 1920 – Past-India

คราวนี้มองย้อนกลับไปในอดีตใกล้ๆ สักหน่อย เมื่อ 40 กว่าปีก่อนที่เมืองบังกาลอร์ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นทุ่งหญ้าเขียวโปร่งโล่งขจี วิวทิวทัศน์ที่เงียบสงบ ประชากรยังไม่มากมาย ส่วนใหญ่ทำการเกษตร แต่หลังจากนั้นไม่นานเมื่อโอกาสมาถึงจากยุคโลกาภิวัฒน์ทางด้านไอที ชาวอินเดียเริ่มตระหนักได้ว่าพวกเขาก็มีความสามารถทางด้านไอทีไม่แพ้ที่ใดในโลก ดังนั้นทศวรรษที่ 80 จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคไอทีในอินเดีย เริ่มสร้างชื่อจากการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาซอฟท์แวร์แห่งใหม่นอกสหรัฐฯ ประกอบกับในปี 1984 รัฐบาลอินเดียได้มีนโยบายเปิดเสรีทางด้านคอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเมืองบังกาลอร์ขจรขจายออกไปทั่วโลก ดึงดูดการลงุทนจากต่างประเทศให้หลั่งไหลเข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมลงทุนหรือว่าลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคขึ้นในอินเดีย

ที่อินเดียมีคนเก่ง ๆ อยู่มากมาย โดยเฉพาะเมื่อเราเปรียบเทียบค่าแรงกับการทำงานในสหรัฐฯ ที่ค่าจ้างต่อชั่วโมงเฉลี่ยอยู่ราว ๆ 50 เหรียญฯ ต่อชั่วโมง แต่หากจ้างคนอินเดียทำงานแบบเดียวกันนี้จะมีค่าแรงอยู่ที่ 15 เหรียญฯ ต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่ช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมใหม่นี้เบ่งบาน เติบโตอย่างรวดเร็วในอินเดียประกอบกับภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวจนได้รับสมญานามว่า “ซิลิคอนแวลลีย์แห่งอินเดีย”

ผู้คนต่างเริ่มหลั่งไหลเข้ามาหางานทำในเมืองบังกาลอร์แห่งนี้ โดยในปี 2011 ในเขตตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ราว 8.4 ล้านคน ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสามของอินเดียและมากที่สุดในเขตอินเดียใต้

จากนั้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน ปี 2014 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเมืองบังกาลอร์เป็นชื่อใหม่ว่าเบงกาลูรูเมืองหลวงของรัฐกรณาฏกะ อย่างเป็นทางการ

…………………………………………..

source : The old bengaluru – nagaveniraju

ในปัจจุบันประชากรเมืองบังกาลอร์เพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านคน พื้นที่ตัวเมืองก็ขยับขยายออกไปกว่าเดิมมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเมืองจะเติบโตได้เร็วในอัตราทวีคูณได้ขนาดนี้ เมื่อเมืองเติบโตอย่างรวดเร็ว ประชากรเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว แต่ในทางกลับกัน แหล่งน้ำที่มีในอดีต ไม่ว่าจะเป็นห้วย หนอง คลอง บึง อ่างเก็บน้ำ จากในอดีตที่มี 1,000 กว่าแห่ง ในปัจจุบันเหลือไม่ถึง 30 แห่ง !!

แล้วเรื่องแหล่งน้ำเกี่ยวอะไรกับเมืองบังกาลอร์ ? บังกาลอร์เน้นไอที ทำซอฟท์แวร์ ทำแอพพลิเคชัน ไม่ได้เน้นเรื่องน้ำ !!!

นั่นก็เพราะว่า แหล่งน้ำที่นำมาอุปโภคบริโภคในเมืองแห่งนี้นั้นกำลังแห้งเหือดลงไปจากเดิมถึง 50%

คนเขียนโปรแกรมไม่ดื่มน้ำ ไม่อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ซักผ้า ไม่เข้าห้องน้ำกดชักโครกหรือไง ? ไม่กินข้าว ไม่ต้องทำกับข้าวเหรอ ?

เมื่อตัวเมืองขยายตัวออกไปเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาที่ตามมาหลายอย่างและปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือการขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการขาดแคลนแบบไม่มีใครเอาน้ำมาส่งไว้หน้าห้อง หน้าออฟฟิศสำนักงาน แต่เป็นการขาดแคลนน้ำในระดับที่แหล่งน้ำในธรรมชาติมีปริมาณน้ำลดลงอย่างมาก

เมื่อตัวเมืองขยาย ผู้คนเพิ่มจำนวน การใช้น้ำก็เพิ่มมากขึ้นในอัตราทวีคูณ สิ่งปลูกสร้าง บ้านเรือน อาคารขนาดใหญ่ ถนน หนทาง ที่เพิ่มพื้นที่คอนกรีตก็ทำให้การซึมผ่านของน้ำในอากาศทำได้ยากขึ้น แล้วในช่วงหลังมานี้ก็เกิดภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อินเดียต้องเผชิญกับภาวะฝนทิ้งช่วง ทำให้เกิดความแห้งแล้งแต่ปริมาณการใช้น้ำยังอยู่ในระดับสูงเท่าเดิม ทำให้นอกจากไม่มีน้ำมาเติมเต็มห้วย หนอง คลอง บึง ยังดึงเอาน้ำที่กักเก็บไว้ไปใช้จนลดต่ำลงไปมากกว่าเดิมอีก

……………………………….

source : Why Bengaluru, Silicon Valley of India, is still the hottest destination for techies in India – India News | The Financial Express

ผู้คนในเมืองบังกาลอร์ต้องพึ่งพิงน้ำจากแม่น้ำคอเวอรีที่อยู่ห่างออกไปราว 100 กิโลเมตรทางตอนใต้ของเมืองและเป็นแหล่งน้ำเพียงแหล่งเดียวที่เหลืออยู่ ชาวเมืองบอกว่าพวกเขาจะได้ปันส่วนจากแม่น้ำคอเวอรีเพียงสัปดาห์ละครั้ง น้ำประปาเหล่านี้ไม่เพียงพอ ต้องไปซื้อน้ำบาดาลเพิ่มด้วย โดยจะมีรถบรรทุกน้ำมาส่งให้ถึงที่แต่น้ำพวกนี้จะนำมาดื่มไม่ได้ ต้องไปซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดแยกต่างหาก อย่างน้อย ๆ ต้องมี 4-5 ขวดต่อวัน ตีคร่าว ๆ ว่าบ้านหลังหนึ่งต้องมีน้ำดื่มอย่างน้อย 30 ลิตร ในขณะที่รถบรรทุกน้ำก็จะมาส่งเฉพาะวันจันทร์ โดยน้ำที่มาส่งแต่ละครั้งไม่ได้พอใช้ทั้งอาทิตย์ อย่างมากก็พอใช้ได้แค่ 2-3 วัน ทำให้ต้องแยกน้ำในส่วนนี้ไว้เฉพาะทำกับข้าวหรือทำอะไรเล็ก ๆ น้อย เพื่อให้เหลือพอใช้จนถึงอาทิตย์ถัดไป เรื่องน้ำกินน้ำใช้เป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ก็ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรเพราะมันก็ทำได้เท่านี้ ทุกอย่างก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น

บังกาลอร์ต้องเผชิญกับการขาดแคลนน้ำราว ๆ  500 ล้านลิตรต่อวัน

………………………….

ในปี 2022 อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกคือราวๆ 1,400 ล้านคน ส่งผลให้ทรัพยากรน้ำกลายเป็นของหายากและมีค่ามีราคาในประเทศนี้

……………………………..

source : Bangalore water crisis: India’s ‘Silicon Valley’ is running dry as residents urged to take fewer showers, use disposable cutlery | CNN

ในมุมมองของคนขับรถบรรทุกน้ำ บอกว่า ธุรกิจในเมืองต้องการน้ำปริมาณมาก ๆ มีโทรศัพท์เข้ามาให้ไปส่งน้ำไม่ต่ำกว่า 50 สายต่อวัน เราต้องเอารถไปเติมแท้งก์น้ำของพวกเขาให้เต็ม หากพวกเขาไม่มีน้ำใช้แล้วจะเดือดร้อนมาก ทนได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง โดยรถบรรทุกน้ำคันหนึ่งสามารถบรรทุกน้ำได้ราว 7,000 ลิตร ที่เห็นได้ชัดคือพักหลังมานี้เราต้องขับรถออกไปไกลจากเดิมเพื่อหาแหล่งน้ำใหม่เนื่องจากแหล่งน้ำเดิมที่เคยใช้นั้นน้ำเหลือน้อยลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำบาดาลหรือว่าน้ำที่ไหน ๆ ก็มีปริมาณลดลงไปจากเดิมเยอะมาก อย่างน้ำบาดาลที่เราเคยเจาะเมื่อไม่กี่ปีก่อน เจาะลงไป 300 เมตรก็เจอน้ำแล้ว แต่ตอนนี้อย่างต่ำ ๆ เลยต้องลึกกว่า 600 เมตร มันหายากขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะมาขับรถบรรทุกน้ำผมทำเกษตรมาก่อน แต่ก็อย่างที่ทราบเรามีปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำ แล้วปลูกอะไรก็ต้องใช้น้ำ ไม่อย่างนั้นแล้วก็แห้งตายหมด ผมถึงต้องเปลี่ยนอาชีพแต่ผมเองก็ไม่ได้เรียนหนังสือจะให้ไปทำงานในบริษัทไอทีพวกนั้นก็คงไม่ได้ ตรงชานเมืองนั่นเมื่อก่อนก็มีแต่ถนนลูกรัง แต่ตอนนี้เต็มไปด้วยโครงการบ้านจัดสรร อาคารต่างๆ ที่ผมรู้ก็เพราะว่าผมต้องไปส่งน้ำแถบนั้นด้วยเช่นกัน เทศบาลเองก็จัดหารถน้ำไปส่งในบางพื้นที่ที่ขาดแคลนเหมือนกันแต่ก็ไม่พออยู่ดี พวกเขาถึงต้องพึ่งพาเราเป็นหลัก

…………………………………

Bengaluru’s groundwater crisis | A ticking apocalypse clock without regulations | Water crisis

การนำน้ำจากแม่นำคอเวอรีนั้นไม่ได้ทำกันบ่อยนัก แต่เนื่องจากลำพังการที่รถบรรทุกน้ำมาส่งสัปดาห์ละสองครั้งนั้นไม่เพียงพอ พวกเขาต้องใช้วิธีการปิดเปิดประตูน้ำเพื่อส่งน้ำไปยังแต่ละเขตสลับกันเพื่อให้ทุกคนได้มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง โดยทั่วไปแล้วบ้านหลายหลังก็มีการขุดเจาะน้ำบาดาล แต่เมื่อน้ำมันแห้งพวกเขาก็จะโทรหาเรา จะเห็นได้ว่ารถบรรทุกน้ำมีบทบาทอย่างมากในการบริหารจัดการความต้องการน้ำของที่นี่

คนขับรถบรรทุกน้ำยังบอกด้วยว่า ผู้คนมองธุรกิจรถบรรทุกน้ำเป็นเหมือนกับมาเฟีย ทำไมพวกเขาถึงคิดกับเราแบบนั้น ? นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการจ่ายเงินในเรื่องนี้ หากเราหยุดส่งน้ำในเขตเมืองนั้นแม้แต่วันเดียว ผู้คนทุกคนที่นั่นจะเข้าใจถึงความสำคัญของน้ำได้เป็นอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว

…………………

สำหรับเมืองที่กระหายน้ำนี้ ไม่ได้เพียงแต่ธุรกิจรถบรรทุกน้ำแล้วก็ธุรกิจไอทีเท่านั้นที่กำลังเติบโต แต่ยังมีธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเติบโตด้วยเช่นกัน การเติบโตของบังกาลอร์นั้นขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมไอทีเป็นหลัก อย่างน้อย ๆ กว่า 90% จะมีออฟฟิศหรือสำนักงานของตนอย่างน้อย 1 แห่งในเมืองบังกาลอร์ ทำให้ธุรกิจอสังหาเติบโตแล้วก็มีผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากด้วยเช่นกันประเด็นก็คือที่นี่ไม่ได้มีการวางผังเมืองล่วงหน้า ทำให้ต้องเจอกับผลกระทบที่ตามมาเป็นลูกโซ่

ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นจากแต่ก่อนอย่างมาก เนื่องจากการหลั่งไหลเข้ามาของผู้คนในภาคอุตสาหกรรมไอที หลายคนคิดว่าภาคอุตสาหกรรมไอทีคือการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมบังกาลอร์คือเมืองที่มีอนาคต แต่แท้ที่จริงแล้วภาคอุตสาหกรรมไอทีนั่นแหละที่ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในบังกาลอร์ ไล่ตั้งแต่ที่ดินราคาแพงมาก ขาดแคลนที่ดิน พวกผู้มีอิทธิพลก็เข้าไปบุกรุกที่สาธารณะ และปัญหาใหญ่ก็คือที่ดินสาธารณะที่พวกเขาบุกรุกส่วนใหญ่เป็นพื้นที่รอบทะเลสาบ ถึงแม้จะมีการฟ้องร้องจนกระทั่งศาลออกคำสั่งห้ามกระทำการใด ๆ ที่เป็นการลุกล้ำหรือใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะรอบทะเลสาบ  แต่ก็แค่นั้น พวกเขาก็ยังคงละเมิดคำสั่งศาลและกระทำการที่สร้างผลกำไรให้พวกเขาเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาไม่ได้สนใจทะเลสาบ พวกเขาสนใจที่มันทำเงินได้ แถมยังมีนักการเมืองถือหุ้นในบริษัทที่รุกที่สาธารณะเหล่านั้นด้วยอีกต่างหาก

………….

การเติบโตและขยายตัวของเมืองที่ไร้การควบคุม ในไม่ช้าทะเลสาบก็หายไปหรือไม่ก็เต็มไปด้วยมลพิษทางน้ำ ทำให้เหลือทางเลือกในการแก้ปัญหาอยู่ไม่กี่อย่างเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภาวะขาดแคลนน้ำ ทำให้บังกาลอร์ต้องทำการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำหรือแหล่งน้ำอื่น ๆ  ที่พอหาได้ซึ่งอยู่ไกลออกไปอย่างมากจากตัวเมือง ส่งผลให้น้ำในแหล่งน้ำเหล่านั้นค่อย ๆ เหือดแห้งไป ขณะเดียวกันธรรมชาติก็ไม่อาจเติมน้ำทดแทนลงไปในแหล่งน้ำที่ว่าได้รวดเร็วเพียงพอ ในปี 2020 เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงจึงทำให้ไม่มีน้ำมาเติมเต็มแหล่งน้ำเหล่านี้ ที่ทะเลสาบใกล้เมืองบังกาลอร์ มาตรวัดระดับน้ำที่ตั้งเด่นนั้น แสดงให้เห็นระดับน้ำที่เคยสูงสุดอยู่เหนือหัวเราแต่ทว่าในตอนนี้ระดับน้ำกลับแห้งต่ำกว่าพื้นดินที่เรายืนเสียอีก นั่นทำกับว่าปัญหาจะยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในอนาคต

ผู้สูงอายุในพื้นที่บอกว่า ย้อนไป 40 ปีก่อน ฝนตกชุก เรามีน้ำเต็มทุกที่ เมืองบังกาลอร์ก็ใช้น้ำจากทะเลสาบแห่งนี้ แต่ให้หลังไม่กี่ปีมานี้ ฝนทิ้งช่วง ทำให้น้ำในทะเลสาบเพียงพอต่อการชลประทานไปยังพื้นที่เกษตรในเขตนี้เท่านั้น  ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าการขยายตัวของเมืองนั้นเป็นตัวทำลายทะเลสาบด้วยการใช้น้ำมหาศาล หรือต่อให้ฝนตกลงมาตามปรกติก็ตามแต่การใช้น้ำก็เพิ่มตามไปด้วย เราจะมีมาตรการกักเก็บน้ำไว้ได้อย่างไร นี่คือปัญหาที่จะต้องหาทางออกของการอยู่ร่วมกันระหว่างเมืองกับระบบนิเวศ ไม่อย่างนั้นแล้ว การขาดแคลนน้ำจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นวันแล้ววันเล่า

ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า 3-5 ปีหรืออีก 10 ปีนับจากนี้ จะไม่มีน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงเมืองบังกาลอร์อีกต่อไป แต่ไม่มีใครเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนั้น พวกเขาสนใจการเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่า ความสมดุลทางด้านระบบนิเวศของเมืองอยู่ในจุดที่เปราะบางเหลือคณา ทุกอย่างในเมืองพึ่งพากับแหล่งน้ำหลักเพียงแห่งเดียวนั่นก็คือแม่น้ำคอเวอรี

………….

source : Surging bills, fewer showers: India’s Bengaluru reels under water shortage | Reuters

เกษตรกรคนหนึ่งพาเราไปที่คลองส่งน้ำที่แห้งผากแม้แต่ผืนดินก้นคลองยังแห้งเป็นผุยผงแล้วเราจะคาดหวังถึงน้ำที่จะใช้ในการทำการเกษตรได้อย่างไรกัน จะปลูกอะไรได้ ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ทว่า 10 ปีมานี้ไม่ได้มีการปรับปรุงอะไรเลย ในทางกลับกันน้ำจากแม่น้ำต้องถูกแบ่งสันปันส่วน เราได้รับน้ำเพียงเดือนละครั้ง อนาคตไม่มีอะไรแน่นอนหรือรับประกันได้เลย เราไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากความช่วยเหลือที่ทางการมีให้ ที่นี่ ตอนนี้ เราเพาะปลูกได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น ผืนดินแห้งแล้งมากเกินไปที่จะเพาะปลูกอะไรให้งอกงามได้

ผมจะแสดงให้ดูว่าผลผลิตทางการเกษตรถูกทำลายได้อย่างไร นี่คือผลลัพธ์จากการที่เราได้รับน้ำเดือนละครั้ง ตอนแรกเราพยายามจะปลูกข้าวแต่ในที่สุดมันกลับกลายเป็นหายนะ เนื่องจากความแห้งแล้ง แล้วไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถขุดสระเก็บน้ำได้ อย่างน้อยก็ต้องมีเงิน ถ้าอยากจะมีบ่อน้ำเก็บน้ำไว้ใช้ก็ต้องยอมขายที่ดินไปบางส่วนเพื่อให้ได้เงินมาขุดบ่อ แต่ทุกคนก็ใช่ว่าจะมีที่ดินมากมายอะไร หลายคนก็ไปกู้เงินมาเจาะน้ำบาดาล มันบังคับให้เราต้องดำเนินชีวิตไปบนพื้นฐานของการก่อหนี้ หลายคนที่หาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยไม่ไหวก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย

ตรงจุดนี้คือบ่อน้ำของเราที่ต้องทำเพื่อมาชดเชยกับการจัดส่งน้ำที่ไม่เพียงพอ ถึงแม้เราจะขายที่ดินไปเพื่อเอาเงินส่วนนั้นมาขุดเจาะบ่อน้ำ แต่มันก็ไม่ได้น้ำมากอย่างที่เราคาดหวังไว้

ที่นี่เราปลูกข้าวฟ่างแต่ทว่า มันแห้งตาย เราได้รับน้ำจากคลองส่งน้ำเดือนละครั้ง ในวันที่มีน้ำเราก็จะนำมารดพื้นที่เพาะปลูกของเรา แต่วันอื่น ๆ ที่ไม่มีน้ำเลยทั้งเดือนมันก็ไม่มีพืชผลอะไรที่ทนแล้งได้นานขนาดนั้น

การขาดแคลนน้ำและไฟฟ้าส่งผลกระทบกับชีวิตของเราอย่างมากและเราเองก็ไม่รู้จะไปทำงานอะไรอย่างอื่น เกษตรกรอย่างพวกเราต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยอยู่กับสิ่งที่เราเพาะปลูกเพียงเท่านั้น  เรายังคงมีหวังแต่ทั้งหมดที่เราทำได้ในตอนนี้ก็คือรอ..

พ่อแม่ของผมเป็นเกษตรกรและก็ส่งต่อมาถึงรุ่นผม ตอนนี้มันเป็นหน้าที่ของผมแล้ว ผมเองก็แต่งงานมีครอบครัวนั่นก็หมายความว่านอกจากการเพาะปลูกแล้วผมเองก็มีหน้าที่อย่างอื่นเพิ่มเข้ามาด้วย เกษตรกรนั้นมักจะขาดความรู้เกี่ยวกับเรื่องเงินกู้ยืมหรือเงินอุดหนุนต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือจากทางรัฐบาลว่าจะไปรับเงินดังกล่าวได้จากที่ไหนหรือไปติดต่อใครจะเชื่อใจใครได้บ้าง พ่อของผมไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย พอเขาเห็นดอกเบี้ยที่ต้องใช้หนี้ก็ถึงกับทรุดเลยทีเดียว เช้าวันหนึ่งพ่อออกไปที่ท้องไร่ ตอนแรกก็คิดว่าคงไปหามะพร้าว แต่ไม่ใช่พ่อไปผูกคอตาย

การเพาะปลูกที่ล้มเหลวแล้วก็การเป็นหนี้ที่พอกหางหมูขึ้นทุกทีทำให้หลายคนเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองซึ่งรัฐบาลต้องเป็นคนรับผิดชอบในเรื่องนี้ แทนที่จะเรียกว่าพวกเขาฆ่าตัวตาย ควรจะเรียกรัฐบาลว่าฆาตรกรจะเข้าท่ากว่า

………………..

source : Why is Bengaluru running dry and facing acute water shortage? – India News | The Financial Express

พวกเราที่นี่ล้วนเป็นเกษตรกร เราต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดกันมาอย่างยาวนาน แต่นโยบายของรัฐบาลคือการย้ายเกษตรกรจากสถานะภาพที่แข็งแกร่งไปสู่สถานะที่อ่อนด้อยเสียอย่างนั้น ประชากรที่นี่ 75% ต่างก็ทำงานในภาคเกษตร ชีวิตของพวกเราที่นี่อิงแอบแนบอยู่กับการเกษตร แต่เมื่อไม่สามารถทำเกษตรได้ รายได้ที่หล่อเลี้ยงครอบครัวก็หายไปทำให้ชีวิตเราไม่แน่นอน จากที่มีการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำคอเวอรีเพื่อให้กักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร กลายเป็นว่าตอนนี้น้ำถูกนำไปใช้เพื่อหล่อเลี้ยงผู้คนที่อื่น ผืนดินที่อื่นเสียอย่างนั้น ซึ่งการจัดสรรน้ำที่ผิดปรกติไปนี้ไม่ตรงกับความต้องการของเรา

ถ้าหากเมืองบังกาลอร์ขาดน้ำใช้แม้แต่เพียงวันเดียว หมู่บ้านของเราจะมีน้ำใช้ทันที เพราะอะไร เพราะบังกาลอร์ใช้น้ำมหาศาล ตรงนี้แสดงให้เห็นความต้องการของชาวบ้านและเกษตรกรถูกมองข้ามไป

ในปี 2016 เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงนานกว่าที่เคย ทำให้เกิดการประท้วง เผารถประจำทาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหมือนเราพร้อมที่จะเสียเลือดมากกว่าน้ำ แม่น้ำคอเวอรีไหลจากรัฐกรณาฏกะลงใต้ไปยังรัฐทมิฬนาฑู จากการที่คุณต้องพึ่งพาน้ำจากแม่น้ำนั้นเดียวนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที กลายเป็นว่าต้องบีบให้คนทั้งสองรัฐนี้ต่อสู้แย่งชิงน้ำกัน ปัญหาทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาด

ลองจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากภาวะภัยแล้งนี้อยู่นานขึ้นกว่าเดิม เมืองบังกาลอร์อาจจำเป็นต้องลดจำนวนประชากรลงถ้าหากน้ำในแม่น้ำคอเวอรีเหือดแห้งลงไปยิ่งกว่านี้ เนื่องจากเราไม่ได้พัฒนาแหล่งน้ำ ไม่ได้รักษาแหล่งน้ำในท้องที่เลย

เกิดอะไรขึ้นกับเกษตรเมื่อพวกเขาไม่มีน้ำและโอกาสที่จะมีรายได้มาเลี้ยงชีพ คำตอบก็คือพวกเขาบางส่วนพากันย้ายเข้าไปหางานทำในบังกาลอร์โดยอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดแถบชานเมือง ประชากรของเมืองเพิ่มขึ้น 1 ล้านคนทุก ๆ  สองปี

อินเดียเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพามรสุม โดยฤดูฝนจะยาวนาน 4 เดือน เริ่มจากวันที่ 1 มิถุนายน ไปจนถึง 30 กันยายน ซึ่งใน 4 เดือนนี้ จะมีน้ำมาเติมคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของปริมาณน้ำที่เราใช้กันตลอดทั้งปี ประเด็นสำคัญก็คือหากในฤดูมรสุมเกิดฝนทิ้งช่วงติดต่อกันสักสองปีถึงตอนนั้นเรากำลังเจอกับวิกฤติอย่างรุนแรง

….

โลกขับเคลื่อนด้วยไอที แต่คนเราก็ขับเคลื่อนด้วยปัจจัยสี่เช่นกัน ดังนั้นการพัฒนาที่เป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้นทุกภาคส่วนต้องเติบโตไปพร้อม ๆ กันได้ โดยอาศัยการจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสมและมีการกระจายความเจริญออกไปอย่างทั่วถึง ไม่กระจุกตัว กระจายโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับกับการขยายตัว เพื่อประโยชน์ของผู้คนหลากหลายอาชีพ ทำให้ทุกคนมีรายได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวเมืองหรือทรัพยากรแห่งหนึ่งแห่งใดมากจนเกินไป

อินเดียประเทศที่ร่ำรวยวัฒนธรรม มีประชากรมากที่สุดของโลก มีพื้นที่ประเทศใหญ่โต จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้เราเรียนรู้ถึงการเติบโตกับแนวทางการจัดสรรทรัพยากรที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

…………………….

แนะนำหนังสือต่างประเทศที่เกี่ยวกับ Bangalore Silicon Valley of India

How to Explore and Thrive in Bangalore: A Comprehensive Guide to the Silicon Valley of India ISBN-13: 9798388268273

Life at Silicon Valley of India ISBN-13: 9798305654455

The Maverick Effect: The Inside Story of India’s IT Revolution ISBN-13: 9789354895296

Bangalore Unveiled: A Journey Through the Vibrant Silicon Valley of India ISBN-13: 9789356679467

Building Bangalore: Architecture and Urban Transformation in India’s Silicon Valley ISBN-13: 9780415748759​

- Advertisement -
Herothailand.com รับสั่งหนังสือต่างประเทศ สินค้าต่างประเทศ
พร้อมรับประกันการจัดส่งถึงบ้าน
ไม่ได้รับสินค้า ยินดีคืนเงินเต็ม 100%
Tel : 08-5464-1644
..........................................
สนับสนุนการทำบทความ กดไลค์ กดแชร์ หรือสามารถบริจาคเงินเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเราได้ที่
ธนาคารไทยพาณิชย์: สาขามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อบัญชี : HEROTHAILAND.COM
บัญชี : ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี : 667-265599-4

Similar Articles

Comments

รับสั่งหนังสือต่างประเทศ-สินค้าต่างประเทศ

Herothailand.com รับสั่งหนังสือต่างประเทศ สินค้าต่างประเทศ
พร้อมรับประกันการจัดส่งถึงบ้าน
ไม่ได้รับสินค้า ยินดีคืนเงินเต็ม 100%
Tel : 08-5464-1644

Advertisement

MEIYIJIA 40L พัดลมไอระเหยเคลื่อนที่ ปริมาณอากาศขนาดใหญ่ มี มอก.

Royal Kludge RK68

Royal Kludge RK68 RGB Hotswap USB HUB คีย์บอร์ดเกมมิ่งคีย์ไทย ไร้สายบลูทูธและมีสาย เปลี่ยนสวิตซ์ได้ เลเซอร์ไทย - English

Most Popular

Advertisement SHOPEE THAILAND

บ้านน้องแมว ทำจากไม้