วันนี้ฝนตก นั่งกินกาแฟหน้าบ้าน มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย นึกขึ้นได้ว่าเขียนบล็อกดีกว่า
เริ่มจากเอารูปเก่า ๆ ในมือถือมาโหลด bluetooth ลงเครื่อง เื่นื่องจากทำสาย Datalink หาย
เนื่องจากผมชอบออกทริปแบบปั่นจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ ดังนั้นกล้องมือถือนี่แหละที่จะสามารถเก็บรูปได้สะดวกกว่า DSLR อีกอย่าง ปลอดภัยจากการหลุดมือตกด้วย 5555
เช่นเคย ผมก็ัยังคงจำวันที่ 30 สิงหาคม 2552 เรานัดกันที่หน้าเทศบาลตำบลสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เวลา 06.00 น.
เมื่อทุกคนพร้อม เราก็มุ่งหน้าไปยัง สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม โดยอาศัยเส้นทางถนนเลียบคันคลองชลประทาน ผ่านหน้าสนามกีฬา 700 ปี ไปเรื่อย ๆ จนสุดถนนแล้วบังคับเลี้ยวขวา จากนั้นเลี้ยวซ้ายอีกครั้งผ่านหน้ากองพันสัตว์ต่าง เลยไปอีกสักหน่อย จะเจอถนนแสนสวย อากาศดี บรรยากาศดีมาก ๆ จำไม่ได้ว่าชื่อถนนอะไรแต่จำได้ว่าถนนสายนี้จะผ่านไปยังวัดดาราภิรมณ์ อยากจะบอกว่าชอบถนนสายนี้มาก ๆ สองข้างทางด้านหนึ่งเป็นลำเหมือง อีกด้านเป็นท้องทุ่ง ดูแล้วสบายหูสบายตามาก สมกับการได้มาพักผ่อนในวันหยุดจริง ๆ
ปั่นไปจนถึงทางแยกของถนนสายนี้ ให้เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานเล็ก ๆ แวะหาซื้ออะไรรองท้องกันก่อน (ปั่นมานาน ออกอากาศปวดก้นอยู่นิดๆ) พอพักรวมกลุ่ม รอให้ทุกคนมาครบ เราก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ โดยส่วนตัวผมรู้สึกอย่างหนึ่งว่า เส้นทางมาแม่ริมสายนี้ น่าอยู่ ทางเรียบ ผิวทางดี บรรยากาศสองข้างทาง ไม่ค่อยมีรถควันดำมาทำใหรำคาญใจสักเท่าไร เห็นมีรีสอร์ทมาเปิดแถบนี้กันมากมาย นั่นก็ยิ่งเน้นย้ำว่า แถวนี้น่าอยู่จริง ๆ เราปั่นกันมาเรื่อย ๆ จนมาพักกันอีกทีตรงทางเข้าน้ำตกแม่ยะ บังเอิญว่ามีพี่ในกลุ่มรถยางรั่วพอดี ก็เลยได้พักกันนานหน่อย เพราะจากนี้ไปจะเริ่มขึ้นเนินยาว ๆ กันบ้างแล้ว
สำหรับทริปนี้ผมได้ลองเปลี่ยนล้อคู่ใหม่ของผม แ่ต่เป็นของมือสองจากคนอื่น ล้อคู่นี้เพิ่งได้มาจากเชียงราย ก็อาศัยซื้อผ่านเว็บไซต์อีกนั่นแหละครับ เนื่องจากเ้จ้าของเก่าเขาใช้ติดดิสก์เบรค ไม่เคยใช้วีเบรค ปั่นแต่ทางเรียบตลอด ก็เลยเข้าทางผม เพราะผมใช้วีเบรค แล้วก็ติด Booster brake เข้าไปอีกทีนึง
ทริปนี้ก็เป็นทริปสั้น ๆ แต่ก็สะท้อนภาพของความฟิตในตัวผมได้ดีว่า ไม่ได้เรื่อง ปั่นไปหอบไป เหมือนใจจะขาด… แต่ในที่สุดผมและทุกคนก็มาถึงบริเวณหน้าสวนพฤกษศาสตร์กันจนได้ อายุเฉลี่ยของกลุ่มเรา ก็ประมาณ 50 ปีกว่า ๆ ได้ ยกเว้นผมที่น่าจะยี่สิบปลาย ๆ มากหน่อย
เราพักทานข้าวกันที่ตรงนี้
ระหว่างนั้นผมก็เจอฝรั่งแก่ ๆ คนหนึ่ง ขี่เสือหมอบมา ขนาดแก่แล้ว ความเร็วในการปั่นผมว่าไม่ต่ำว่า 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน สักพักแกก็มาหยุดที่กลุ่มของพวกเรา แล้วก็ถามว่า แถวนี้มีกลุ่มปีนเขาอยู่แถวไหนบ้าง แกนัดไว้ว่าจะมาคุยกันที่นี่ ไอ้เราก็ไม่รู้เพราะไม่ค่อยได้มาแถวนี้ คุยไปคุยมาสักพัก ก็ถึงรู้ว่าแกอายุ 60 กว่าแล้ว อยู่ในช่วงให้รางวัลชีวิตตัวเอง มาเมืองไทยแล้ว 6 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 ทุกครั้งที่แกมา ก็จะปั่นจักรยานไปทั่วภาีคเหนือ แกบอกว่าทางไปเชียงรายนี่ดีกว่าทางมาเชียงใหม่อีก เส้นทางก็หลากหลาย นี่คือชีวิตของวิศวกร จากแคลิฟอร์เนีย ผมอดชื่นชมในความฟิตและทัศนคติของ Richard ไม่ได้ เขาแตกต่างกับผมตรงที่ผมไม่กล้าปั่นเดี่ยวเหมือนเขา กลัวปัญหาสารพัด หรือแม้แต่้ถ้าต้องพาสุภาพสตรีไปด้วย คำถามมากมายในหัว ถ้าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมากับสุภาพสตรี หรือเกิดภาวะฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือจะทำอย่างไร
ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนไทย และพูดไทยได้คล่อง ต่างจาก Richard ที่พูดไทยไม่ได้เลย นี่คือทัศนะคติการมองโลก ถึงขั้นที่ผมเข้าใจว่า ถ้าหากนรกนั้นมันไปแล้วมีความสุข มีความท้าทาย มันก็น่าไปมิใช่หรือ หรือว่านี่ืคือความแตกต่างของตะวันออกและตะวันตก ผมตั้งคำถามในใจว่า เฮ้ย! การที่คุณมาแบบนี้ คุณไม่คิดถึงลูกถึงเมีย คิดถึงพ่อถึงแม่บ้างหรือ คนข้างหลังเขาจะห่วงคุณไหม จะห่วงคุณแค่ไหน บางคนแค่ผู้สูงอาุยุจะเข้าห้องน้ำยังกลัวล้มหัวฟาดพื้นเลย ไหนจะโรคเก๊าท์ ไหนจะอากาศหนาว …. แต่ด้วยมารยาทและข้อจำกัดทางด้านภาษา ผมจึงได้แค่หยุดความคิดแ่ค่ตรงนั้น จากนั้น Richard ก็ปั่นจักรยานขึ้นเินินอันสูงชั้นเบื้องหน้าผม หายวับไปยังกะขี่มอเตอร์ไซค์
กว่าจะขึ้นมาได้เห็นภาพแบบนี้ ผมหอบแทบตายเลยละครับ แล้วสัำกพัก Richard ก็ปั่นตามขึ้นมาแล้วตะโกนบอกว่า ตามหากลุ่มปีนเขาไม่เจอนี่ปั่นมาทั่วแล้วไม่เห็นเจอใครเลย ผมก็ยิ้มให้เพราะภาวะตอนนั้นมันเหนื่อยพูดไม่ออก คิดในใจ อะไรว่ะ นี่เพิ่งปั่นมานิดเดียว Richard เล่นไปรอบนึงแล้วเหรอนี่
เอาละครับ คราวนี้เรามาถึงโรงเรือนกันแล้ว จะเข้าไปดูข้างในสักหน่อย
สำหรับวันนี้ก็ขอจบ ทริปปั่นจักรยานไปสวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ ไว้เพียงเท่านี้
หากความมั่นคงของชีวิต วัดไ้ด้ด้วยดัชนีเงินสดหรือหลักทรัพย์ สำหรับผมคงไม่มี แต่หากพอจะมองในแง่ของความสุข ผมได้สะสมเพิ่มมาอีกก้อนหนึ่งแล้วครับ ……..