และแล้ว วันที่ 10-11 ตุลาคม 2552
Herothailand.com ได้หยุดบริการลูกค้า เป็นเวลา 2 วัน เนื่องจากเราจะพากันไปกางเต๊นท์นอนที่ดอยผ้าห่มปก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
ซึ่งผมก็ได้ประกาศไว้หน้าเว็บไซต์ของเราแล้ว เนื่องจากเกรงว่าลูกค้าจะไม่ได้รับความสะดวกในการติดต่อ กรณีไม่มีัสัญญาณโทรศัพท์หรือเกิดฝนตกหนักรับโทรศัพท์ไ่ม่ได้ อีกอย่างโทรศัพท์ที่ผมใช้นั้นเป็นรุ่นกันน้ำออกด้วย อิอิ!
ทริปนี้นัดกันหกโมงเช้า เป็นทริปขี่มอเตอร์ไซค์อีกแล้วครับท่าน!!!
เนืองจากก่อนหน้านี้เต๊นท์ที่เคยใช้นั้น สภาพไม่น่าใช้แล้วสักเท่าไหร่ ผมก็เลยต้องไปหาซื้อเต๊นท์หลังใหม่ ว่าจะเลือกเอาเต๊นท์ที่มี Fly sheet ใหญ่ ๆ กว้าง ๆ กันน้ำค้างน้ำฝนได้ดีหน่อย เพราะไม่อยากนอนหนาวตอนตีสามตีสี่… ตอนไปซื้อก็หาอยู่นานจนได้แบบที่ถูกใจ แถมได้ความรู้ใหม่มาอีกอย่างว่า ไอ้ที่เขียนติดถุงไว้ว่า 210T 220T นั้น มันคืออะไร พนักงานขายก็ตอบว่า มันคือความหนาของผ้าไนลอนที่ใช้ทำ อ๋อ…
อันนี้จะมีติดกับพวกถุงนอนอะไรด้วย ดังนั้นถ้าหากอยากได้ผ้าเต๊นท์หรือถุงนอนที่แข็งแรงหน่อย ก็แนะนำว่าเอาแบบ 220T นะครับ
กลับมาถึงบ้าน ผมก็ทดลองกางเต๊นท์ก่อนเลย เดี๋ยวเกิดเอาไปใช้จริง ขาดโน้นขาดนี่เดี๋ยวจะยุ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็พร้อมออกเิดินทาง โดยยังไม่ได้ทานอะไรไปเลย กะว่ากินลมชมวิวไปก่อน
เราอาศัยเส้นทางสายเลียบคันคลองชลประทาน ตัดผ่านไปเส้นแม่ริม – แม่แตง – เชียงดาว นะครับ
อากาศเช้านี้ ครึ้มฟ้าครึ้มฝนปนครึ้มอกครึ้มใจอย่างมาก …
เสาร์-อาทิตย์ นี้ รถไม่เยอะ ขี่รถสบาย ๆ ลุงบางคนพกที่งัดล้อรถ บางคนก็พกสูบลมไปด้วย เผื่อรถใครยางรั่ว จะได้แก้ไขได้
เส้นทางช่วงแม่แตง – เชียงดาว เป็นอะไรที่เหมือนฝันเลยครับ เรากำลังขี่รถเข้าหาหมอก ช่วงที่ข้ามสะพานบางแห่ง เราเห็นสายน้ำอยู่ด้านล่าง ในขณะทีบนฝั่งควาญช้างกำลังยืนดูช้างอาบน้ำ ยิ่งแถวนี้เขาเลี้ยงช้างแบบปล่อย เหมือนเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย คือปล่อยช้างไว้กลางทุ่ง ดูแล้วรู้สึกว่ามันมีความสุขจัง สาเหตุที่คนเราต้องออกไปเที่ยวเองนั้น ก็เพราะว่าเวลาเราไปเที่ยวแล้วเห็นภาพสวย ๆ งาม ๆ ภาพที่ทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่นั้น บางที่มุม ๆ นั้น มันไม่สามารถถ่่ายภาพออกมาได้ อาจเป็นเพราะรถกำลังเข้าโค้ง หรือมีรถสวนมา หรือมีรถหลังตามมา สารพัดเหตุผล ดังนั้นเสน่ห์ของการออกไปเที่ยวจึงเป็นเช่นนี้ มันไม่สามารถบรรยายออกมาให้ได้ความรู้สึก ความสวยงามแบบตอนนั้นได้เลย
คราวนี้เราไปกัน 11 คัน 13 คน ระหว่างทางที่เราไป ตรงไหนน่าเที่ยวเราก็แวะเข้าไปเที่ยว ไม่รีบร้อน ไม่เร่งรีบ ยกเว้นตอนคาดว่าฝนจะมา อาจต้องทำเวลากันบ้าง สิ่งที่ผมเข้าใจก็คือ ผมไม่อยากให้ความเจริญเข้ามาถึงที่นี่เร็วเกินไป ผมเสียดาย ที่ความเจริญของประเทศเรา ต้องเืืจือปนมาด้วยรถควันดำ มลพิษ อบายมุข การเล่นเส้นสาย เล่นพรรคเล่นพวก ดังที่ความเจริญได้แสดงให้เราเห็นตามหัวเืืมืองใหญ่
เวลาผมขี่รถผ่านแล้วเห็นชาวบ้านช่วยกันคนละไม้คนละมือปลูกอะไรสักอย่างในไร่ของเขา ผมตั้งคำถามในใจว่า พวกเขารักอาชีพที่เขาทำกันอยู่ทุกวันนี้หรือเปล่า หรือต้องทำเพราะต้องส่งลูกเรียน ต้องใช้หนี้ หรือมีเงื่อนไขอันใดที่บีบบังคับให้ต้องทำและทำต่อไปหรือไม่
หากแต่ภาพที่ผมมองเห็นมากกว่านั้นคือ เมื่อเราขี่รถผ่านเข้าไปในหมู่บ้าน ทุกคนต่างก็ทำเช่นเดียวกัน อาชีพและวิถีชีวิตคล้าย ๆ กันไม่มีใครโหยหาว่าจะต้องเป็นนักธุรกิจร้อยล้านพันล้าน ต้องเป็นอาชีพที่มีเงินเดือนสูง ๆ แต่เท่าที่เห็นผมมองในเรื่องของอายุเข้ามาร่วมด้วย หากเป็นเด็กหนุ่มสาวสมัยใหม่ ก็คงไม่อยากตากแดดตากฝน หน้าดำตัวดำแบบนี้ หากใจไม่รักที่จะทำ เพราะคงไม่มีเด็กหนุ่มสาวที่ไหน ทาครีมกันแดด SPF 50 เป็นขั้นต่ำ เพื่อที่จะมาทำงานตากแดดตากฝนเช่นนี้
ในขณะที่เด็กไทยกลุ่มหนึ่งไม่เกิน 20 คน ได้เหรียญทองการแข่งขันวิชาการระดับโลก ก็ยังมีเด็กไทยอีกกลุ่มหนึ่งไม่เกิน 200 คน ยกพวกตีกันเพราะเรื่องสถาบัน แล้วในระหว่างนั้นก็มีเด็กไทยอีกกลุ่มหนึ่งประมาณเกือบ 2,000 คน ที่ยังไม่รู้แม้กระทั่งจะมีสิทธิได้เข้าเรียนต่อกับเขาไหม สังคมกำลังจะเดินหน้าไปในทิศทางไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพวกมากลากไป คนส่วนใหญ่ว่าถูกว่าดี ความถูกต้องก็คงต้องเป็นเช่นนั้น จริงหรือ!!
อย่าให้ถึงขั้นต้องเลี้ยงลูกกันด้วยอาหารเม็ดเลย!!
ตอนผมเลือกคณะฯ เพื่อสอบ entrance ผมยังจำคำถามในหัวผม ณ ตอนนั้นได้เลยว่า เฮ้ย! มันไม่มีคณะอื่นอีกแล้วเหรอ เด็กไทยจำนวนเป็นแสนคนในปีนั้น ต้องเรียนในคณะที่ไม่มากไปกว่า 60 คณะทั่วประเทศเท่านั้นเหรอ แต่คำถามที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เรายังไม่รู้เลยว่าเราชอบมันหรือเปล่า … เพราะเราต้องเข้าสู่ตลาดแรงงาน เพราะเรากลัวว่าเราจะไม่มีงานทำ กลัวจะดูแลครอบครัวไม่ได้ เราเรียนเพราะความกลัวมีอิทธิพลมากกว่าความชอบความใฝ่รู้กันหรือไม่ เรากำลังจะเข้าสู่ อุตสาหกรรมการเรียน การเรียนบนระบบสายพาน ที่มูลค่าของตัวโปรดักส์ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแสดงออกของยีนบนโครโมโซมของแต่ละคนที่จะต่อยอดได้ หรือจะเรียกว่าบุญเก่ามีส่วนอยู่พอสมควรก็ไม่เชิง
โอ้ว ผมออกนอกเรื่องไปเสียเยอะ กลับมาท่องเที่ยวต่อดีกว่า
นึกถึงตอนไปทำ่ค่ายอาสา ขี่รถไปผมก็คิดไปอีกแล้ว ว่า เอ้ ทำไมเขาถึงมาอยู่กันตั้งไกล ทางเข้าออกก็ลำบาก เหมือนกับทฤษฎีว่ามีลมพายุทอร์นาโดพัดเอาคนกลุ่มหนึ่งมาตกที่นี่ แล้วพวกเขาจึงสร้างหมู่บ้านขึ้น เพราะระหว่างทางที่ผ่านบางทีเป็นเกือบ 30 กิโลเมตรก็ไม่มีบ้านคนหรือสิ่งปลูกสร้างอะไรเลย ยิ่งเวลาหน้าฝน ฝนตกถนนทรุด ทางลูกรัง อย่าว่าแต่โฟร์วิลเลย ต่อให้ติดโซ่ด้วยยังไงก็เข้าไม่ได้ ในหมู่บ้านก็มีลูกเล็กเด็กแดง ผมก็คิดอีกแล้ว ถ้าน้องเขาเจ็บป่วยเขาจะไปหาหมอกันอย่างไร เกิดต้องทำวัคซงวัคซีนอะไรแบบนี้ จะทำกันที่ไหน เพราะไม่มีสถานพยาบาลอะไรเลย ตอนออกค่ายอาสาเราเคยประชุมกันว่า เราเอายาสามัญประจำบ้านไปให้เขาด้วย แล้วพิมพ์ฉลากวิธีการใช้ตัวโต ๆ ฟอนท์สัก 20 เพื่อให้คนเฒ่าคนแก่อ่านได้ง่าย ๆ หรือให้เด็ก ๆ ที่อ่านหนังสือออกอ่านให้ฟังได้ จะได้ไ่ม่ใช้ยาผิดวิธี
สุดท้ายค่ายอาสาที่เราคิดกันมากมาย มันมีข้อจำกัดอะไรหลายอย่าง เราคิด 10 อย่าง อาจจะทำได้แค่สองสามอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือประปาภูเขา
เอาละครับ ผม Flash back ไปเสียเยอะ เพราะเผื่อว่ามีน้อง ๆ คนไหนมาอ่านสิ่งที่ผมเขียนแล้ว จะเอาไปต่อยอดพัฒนาได้้บ้าง เชื่อไหมครับ ผมเคยคิดว่าถ้าผมมีเงินมากๆ ผมจะสร้างอะไรดี ระหว่าง วัดกับสถานีอนามัย…
เราขี่มอเตอร์ไซค์กันมาพักแวะทานอาหารเช้าที่ ขาหมูเชียงดาวตรงข้ามกับโรงแรมเชียงดาวอินน์ ตัวผมเองสั่งกาแฟสด มอคค่าเย็นมาแก้วหนึ่งด้วย แ่ต่สงสัยคนชงจะทำโกโก้หกมากไปหน่อย รสชาติจึงเหมือนโกโก้เย็น…
พอทานอาหารเสร็จเราก็จะเิริ่มวิ่งกันเร็วขึ้นอีกนิด เพราะดูฝนฟ้าแล้วไม่ค่อยเป็นใจ จุดนัดหมายต่อไปของเราก็คือไปพักรถกันที่ดอยอ่างขาง
ระหว่างทางที่ไปดอยอ่างขาง ก็เจอฝนบ้างเป็นระยะ ๆ ฝนบนดอยนี่เย็นเหมือนกันนะ ก่อนจะขึ้นดอยก็จะเจอด่านตรวจของทหารเป็นระยะ สักพักทางก็จะเริ่มคดเคี้ยวและชันขึ้นเรื่อยๆ รถที่สวนมาก็อย่าหวังว่าจะวิ่งช้านะครับ ถ้าคุณประมาท ก็แค่หาคนมาเก็บศพเท่าันั้นเอง ดังนั้นการขี่รถในทางแคบคดเคี้ยวบนดอยนี้จะต้องมีสติและไม่วู่วาม สองข้างทางก็จะเจอคุณน้า คุณป้าแกมาเก็บหัวเผือกใส่กระสอบไว้ข้างทาง รู้เพราะมีคนแอบจอดเปิดดู ด้วยความสงสัย
เนื่องจากผมขี่มาในกลุ่มนำ จึงแอบแว๊บไปนมัสการพระธาตุดอยอ่างขาง เพื่อเป็นศิริมงคล ไม่แน่ใจว่าบันไดทางขึ้นลงร้อยเก้าขั้นหรือร้อยเก้าสิบขั้น อันนี้ไม่แน่ใจ ลืมครับ!
พอนมัสการพระธาตุเสร็จ ก็โทรศัพท์บอกแม่เสียหน่อย ว่าผมมานมัสการพระธาตุแล้วนะแม่ คือมันมีความเสียใจอยู่บ้างตรงที่ว่า เวลาเราไปเห็นสิ่งที่ดีงามหรือสิ่งที่สวยงามแล้ว เราไม่ได้พาครอบครัวเรามาชื่นชมพร้อมกันด้วย ซึ่งบางทีก็โดนแม่ด่ากลับมา ด้วยเพราะแกเป็นห่วงว่าทำไมขี่มอเตอร์ไซค์ไปไกล มันอันตรายรู้ไหม …
จากพระธาตุฯ เราขี่รถย้อนกลับลงมาเพื่อจะไปยังจุดนัดพบตรงที่พักรถบนดอยอ่างขาง เพื่อรับประทานข้าวเที่ยงกันที่นี่
พอเรามาถึงก็พบว่ามีพี่คนหนึ่งรถยางซึม อาจจะเนื่องมาจากเป็นยางเก่าแล้วก็ขี่รถขึ้นดอยลงดอยยางอาจจะร้อนหรือเปล่าไ่ม่ทราบ จึงอาศัยที่งัดล้อกับสูบลมของกลุ่มที่พกพากันมาด้วยแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนยางในเ้ส้นใหม่เข้าไป เท่านี้ก็เป็นอันจบพิธี
เราพักทานข้าวกันที่นี่ แต่อย่างว่ากับข้าวไม่อร่อยเลย สาบานได้ ไข่เีจียวอมน้ำมัน หมูทอดแข็งมาก ซุปก็จืดชืด บริการได้ห่วยมาก ดีตรงที่มีห้องน้ำให้เข้า สะดวกสำหรับสุภาพสตรี แนะนำว่าไม่ต้องเื่ชื่อผมหรอก แต่ถ้าหากจะเป็นการดีเตรียมกับข้าวไปเองด้วยก็ดี ประหยัดและอร่อยกว่า แน่นอน เอ้อ แต่ก็จริง ถ้าผมอยากอร่อย อยากได้ดังใจ ทำไมไม่นอนอยู่กับบ้านล่ะ เอ้อ เนอะ…
ต่อจากนี้เราจะลงจากดอยอ่างขางแล้ว และเข้าไปสู่ตัวอำเภอฝาง ขอบอกว่า ผมใช้เกียร์ 2 พร้อมทั้งเบรคมือและเบรคเท้าจนมิด ในการลงดอยครั้งนี้ครับ สุดยอดจริง ๆ ใครจะมาขาขึ้นดอยอ่างขางไม่เท่าไหร่เด็ก ๆ ขาลงขอบอกว่า สุโค่ย… ถึงอยากให้ลองมาเที่ยวกันครับ เพราะตอนผมลงดอย ผมถ่ายรูปด้วยไ่ม่ได้ กลัวตายครับ ต้องคอนโทรลรถอย่างสุดฝีมือจริง ๆ ไม่งั้นทุกคนจะได้เห็นกันแล้วว่าทางลงมันที่สุดของที่สุดจริง ๆ หากจะมาเที่ยว กรุณาเช็คเบรค ครัช หม้อน้ำ ลมยางเอาเป็นว่าเช็ครถให้ดีที่สุดก่อนมานะครับ สำหรับรถยนต์ ส่วนมอเตอร์ไซค์ก็ตั้งเบรคมาให้ดี ๆ
ต่อจากนั้นเรามุ่งตรงเข้าสู่ตัวอำเภอฝาง เืพื่อจะแวะตลาดซื้อกับข้าว สำหรับมื้อเย็นที่เราจะไปตั้งแคมป์กันบนดอยผ้าห่มปก เมื่อได้กับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็แจกจ่ายกันบรรทุกไปเพื่อเฉลี่ยน้ำหนัก จะได้ไม่มีรถคันไหนต้องกินแรงเพื่อน
ทีนี้พอออกจากตลาด เราต้องทำเวลากันแล้ว เพราะตอนนี้บ่ายสองโมงกว่า ๆ เราจะต้องไปให้ถึงดอยผ้าห่มปกก่อนค่ำ เผื่อตั้งเต๊นท์
เราค่อย ๆ พากันขี่ตามถนนใหญ่ลัดเลาะไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางสังเกตว่าฝางเป็นอำเภอที่ใหญ่มาก มีข่าวว่าจะขอทำเรื่องตั้งเป็นจังหวัด ผมว่าก็ดีนะ เพราะตัวเมืองก็เจริญมาก อยากให้ครอบครัวได้อยู่ใกล้ชิดกัน ไม่ต้องไปทำงานไกล ๆ ใครจะทำงานหนัก เจ็บปวด รันทด โดนเจ้านายด่าว่าจากการทำงาน กลับบ้านมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ให้เรื่องข้างนอกมันจบแ่่ค่ตรงนั้น เท่านี้ก็เป็นยาขนานเอกแล้ว
จากถนนใหญ่ เราก็ขี่รถขึ้นเขามาเรื่อย ๆ จากนั้นก็มาแวะพักรถชมวิวไร่ชาหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่แน่ใจอีก เพราะเดาเอาว่าแถวนี้ไ่ม่ปลูกชาก็กาแฟละว่ะ แหม เรื่องการเษตรนี่ผมมันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ เราแวะซื้อน้ำที่นี่เพราะต่อจากนี้ไปจะไม่มีร้านค้าอีกแล้ว คนขายเป็นคนหาดใหญ่ เอ้อแปลกดี จากนั้นเราก็เริ่มลัดเลาะเข้ามาตามถนนลูกรัง เพื่อเข้าสู่ดอยผ้าห่มปก ระหว่างทางเราก็เจอด่านตรวจของทหาร เขาก็ขอจดบัตรประจำตัวประชาชน เลขทะเบียนรถ เพราะตรงนี้คือแนวตะเข็บชายแดนครับ อีกด้านเป็นสหภาพพม่า ดังนั้นวันนี้ผมจึงกลายเป็นเด็กแนวเต็มตัว !! เวลาผมไปเจอทหารตามด่านตรวจแบบนี้ ผมพกขนมหรือเสบียงอะไรมาด้วย ผมจะเอามาแบ่งให้หมดเลยครับ เช่น ลูกอม หมากฝรั่ง เพราะผมถือว่าเขาเหล่านี้เสียสละ ผมกับเขาก็ผู้ชายเหมือนกัน ผมมาเที่ยวลำบากนิดลำบากหน่อยเดี๋ยวก็กลับไป แต่เขาต้องทำหน้าที่นานกว่าผมมาเที่ยวแน่นอน ดังนั้นหากใครได้ไปได้ผ่านไปแบบผม หากมีอะไรติดไม้ติดมือไปฝากทหารด้วยก็จะดีครับ คนไทยเหมือนกัน
พอผ่านจากด่านตรวจ เราก็พากันขี่ลัดเลาะมาจนถึงป้อมสังเกตุการณ์เก่า ก็จอดรถขึ้นมาถ่ายรูปกัน เห็นฝั่งตรงข้ามเป็นฐานสังเกตการณ์ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นฝั่งของเจ้ายอดศึกหรือเปล่า ก่อนขึ้นเขามา ทหารบอกว่าเมื่อวานแถวนี้ฝนตก เราก็เอ่อจริงว่ะ พื้นดินแดงตรงนี้ชุ่มไปด้วยน้ำ เอ้ แล้วเราจะกางเต๊นท์กันได้ไหมเนียะ แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจขี่รถขึ้นไปเพื่อไปปักเต๊นท์บนที่กางเต๊นท์บนดอยผ้าห่มปกให้ได้ โดยลุ้นเอาว่าวันนี้ฝนคงไ่ม่ตกหรอก สงสัยตกจนเบื่อแล้วแเหละ
ราว 15 นาทีจากจุดพักรถเดิม เรากลับรถลงมาแทบไม่ทัน เราเจอฝนห่าใหญ่บนดอย พี่ที่ขี่รถคันข้างหน้า ดอกยางล้อหลังแกไม่มีแล้ว เลยทำให้รถปัดไปมาอยู่หลายรอบบนถนนลูกรัง ฝนตกหนักจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้าเลย ผมต้องยกมือโบกให้คันข้างหลังที่ตามลงมาชะลอความเร็ว เนื่องจากหากพี่ที่ขี่คันข้างแฉลบล้ม จะได้ไม่โดนคันอื่นวิ่งทับ การเบรครถที่บันทุกสัมภาระอย่างเต็นท์กับเสบียง บนถนนลูกรังที่ลื่นแฉะในตอนที่ฝนตกหนักมากนี่ เป็นอะไรที่ตื่นเต้นเร้าใจไม่น้อยเลย
สรุปว่าคืนนั้น เราต้องขี่รถกลับเข้ามาแถวบริเวณบ่อน้ำมันฝาง เพื่อไปขออาศัยบ้านญาติของพี่คนหนึ่งในกลุ่มนอน เนื่องจากฟ้าเริ่มมืดแล้ว
คืนนั้นที่ฝาง ผมมีความสุขมาก บรรยากาศเงียบสงบ ไม่ต้องมีเสียงวงเหล้าดึกดื่นให้รำ่คาญ สี่ทุ่มก็เงียบแล้ว ไม่ต้องมีเสียงรถดัง ๆ มารบกวน นั่งดูฟ้า เห็นดาวเต็มตาเต็มใจดีจริง ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบอกกับตัวเองเหมือนทุก ๆ ครั้งว่า ” เฮ้ย! กูยังไม่ตาย อะไรที่กูเคยทำผิดพลาดในชีวิต กูยังแก้มือได้” (ขออภัยที่ใช้ภาษาไม่สุภาพครับ แต่ผมพูดกับตัวเองแบบนั้นจริง ๆ ) เวลาผมมีความสุขผมจะพูดแบบนี้ทุกครั้ง
คืนนั้น พวกเราบางส่วนนอนกันที่ระเบียง ให้แสงดาวทำหน้าที่แทนดาวน์ไลท์บนฝ้าเพดาน ลมจากท้องทุ่งพัดกลิ่นหอมของข้าวโชยมาอ่อน ๆ ผมยังนอนคิดตรงนั้นเลยว่า ผมชอบที่นี่จัง อยากมาอยู่ ผมไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ถ้าผมมาอยู่ที่นี้ได้จริง ผมจะทำมาหากินอะไร รัฐมนตรีที่มีมันสมองคนไหนจะกล้าเสนอให้อินเิตอร์เน็ต 100 เมก เป็นวาระแห่งชาติบ้าง คุณจะรู้ไหมว่าการที่คุณทำให้อินเตอร์เน็ตมีความเร็วเสถียรที่ 100 เมกนั้น มันจะช่วยลดการระบาดของโรค ประหยัดน้ำมัน ส่งเสริมการศึกษาของชาติ โอเคว่าในขณะเดียวกัน ก็ส่งเสริมให้เด็กติดเกมส์ ดูเว็บโป๊เพิ่มมากขึ้น แต่แล้วมันจะดีกว่าไหม ถ้าเด็กเล่นเกมส์อยู่กับบ้าน ดูเว็บโป๊อยู่กับบ้าน หรือว่าจะให้ไปดูเว็บโป๊นอกบ้าน เล่นเกมส์นอกบ้าน ทำไมหนุ่มสาววัยทำงานจะต้องมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองใหญ่ เข้าสู่เมืองหลวง เพื่อหางานทำ ทั้ง ๆ ที่งานร้อยละ 30 ของประเทศ คุณ outsources ได้ ทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตได้ ยุคสมัยของการตอกบัตรทำงานมันกำลังจะหมดไป คนเราจะต้องหันมาขายทักษะกัน ขายความสามารถเฉพาะตัวกันมากขึ้น มากกว่าจะมาขายเวลาของชีวิต ผมยังเชื่อว่า อินเตอร์เน็ตจะช่วยให้ครอบครัวอบอุ่นขึ้น มีเวลาได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ถ้าหากผมได้เป็นรัฐมนตรี คำว่า SME ของผม จะวางยุทธศาสตร์เริ่มต้นที่ธุรกิจหลัก 30,000 บาท ขึ้นไป แต่ถ้าผมไม่ได้เป็นก็ดี ผมจะได้ไปเที่ยวต่อ ..
สรุปคืนนั้นเราไม่ได้กางเต๊นท์นอน ได้แค่เอาถุงนอนออกมาทำหน้าที่เท่านั้นเอง
เช้าวันต่อมาเราจึงผ่อนคลายความกดดัน โดยการปรับแผนกันใหม่ว่า ไหน ๆ เมื่อวานก็โดนฝนถล่ม วันนี้ก็เอาให้เต็มที่เลย แผนแรกไปเที่ยวถ้ำตับเตากันก่อน
วัดนี้เป็นวัดขนาดใหญ่ หมายถึงกว้างขวาง ที่สำคัญจัดสีวัดแบบ earth tone สวยงามแบบสงบเงียบได้ใจมากครับ ตอนเราไปถึงฝนตกปรอย ๆ พอดี เราจึงเดินขึ้นไปชมถ้ำัตับเตากัน ตอนแรกผมก็คิดว่าถ้ำก็งั้น ๆ แหละ เที่ยวบ่อยแล้ว แต่ที่ไหนได้ ถ้ำีนี้ใหญ่โตมากครับ
น่าเสียดายตรงที่ว่า เมื่อออกจากช่องถ้ำห้องแรกออกมาแล้ว เราจะต้องเดินตามระเบียงเพื่อเข้าไปนมัสการพระธาตุนิ่มในช่องถ้ำอีกห้องหนึ่ง ซึ่งห้องนี้เอง ที่ผมตกตะลึงกับความใหญ่โตโอโถ่งของถ้ำ มันกว้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาง มากครับ ที่บอกว่าเสียดายเนื่องจากทางเดินด้านในชื้นแฉะ และต้องเดินตามบันไดไม้ชันบ้าง ผมจึงไม่สามารถถ่ายรูปมาฝากกันได้ ต้องให้คุณไปเห็นด้วยตาตัวเอง หากพาเด็กเล็กไปด้วยอาจจะไม่สะดวกในการเข้าไปในช่องถ้ำที่สองนี้นะครับ ภายในถ้ำมีไฟฟ้าเดินไว้ให้บางจุด พอมองเห็นทางได้สะดวก แต่ขั้นระหว่างบันไดอาจสูงไปและลื่นด้วย จึงไม่เหมาะกับการพาเด็กเล็กเข้าไปเที่ยวครับ
พออกจากถ้ำ ฝนตกยังไม่หยุด เราจึงจำเป็นต้องเดินทางฝ่าฝนไปยังอำเภอแม่แตง เนื่องจากในตอนนี้เสื้อกันฝนที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเมื่อวานได้เกิดการแยกชิ้นส่วน แขนขาด คอขาด ผมจึงจำเป็นต้องเอา Fly sheet ออกมาคลุมฝนตอนขี่รถแทนเสื้อกันฝนที่ทิ้งถังขยะไปซะ!
การขี่รถผ่านสายฝน ก็โรแมนติกไปอีกแบบ เรามาแวะพักรถกันอีกทีตอนถึงตลาดอะไรไม่รู้จำไม่ได้ครับ แต่อยู่ระหว่างเส้นทางไปเชียงดาว เป็นตลาดของชาวเขา จะมีผลไม้เช่น พุดทรานมสด แล้วก็สิ่งที่ผมไม่เคยกินมาก่อน เขาเรียกว่า ละมุดอินเดีย ขายกิโลละ 40 บาท เนื้อออกสีเหลืองๆ เนียน นุ่ม หอม หากได้ผ่านไปอย่าลืมลองแวะไปกินดูครับ
จากนั้นเราก็มาแวะอีกทีที่วัดธาราทิพย์ไชยประดิษฐ์ อำเภอแม่แตง ทำบุญกันเล็กน้อย แล้ววิ่งไปต่อกันที่ปางช้างแม่ตะมาน นัดรวมพลกันที่นั้น ก่อนที่เราจะแอดแวนเจอร์ระยะสุดท้าย โดยขี่เข้าไปหลังปางช้างแม่ตะมานไปทะลุออกบ้านปางไม้แดง อ.แม่แตง ทางเส้นนี้มีทุกรสชาดเลยครับ
พอออกถนนใหญ่ เราก็กลับเข้าสู่ถนนเชียงใหม่-แม่แตง มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่
เสียงแบตเตอรีมือถือเตือนว่าใกล้จะหมด แต่ในขณะเดียวกันแบตเตอรี่ของชีวิตผมก็กลับมาเต็มเปี่ยมไปจนกว่าจะถึงทริปหน้า ครับท่านนนนนน!
สรุปทริปนี้ เติมน้ำมันไป 4 ครั้ง เติมครั้งแรก เบนซิน 91 เติมครั้งที่สองปั๊มไ่ม่มีเบนซิล มีแต่ แก๊สโซฮอล์ 95 ก็เอาว่ะ เติมครั้งที่ 3 เบนซิล 95 เพราะเบนซิล 91 หมดและครั้งสุดท้ายก็เบนซิล 91 รวมใช้เงินทุกอย่างไปทริปทั้งสองวัน ประมาณ 530 บาท
……………………… การท่องเที่ยวไม่ได้สนุกตรงที่เราไปถึง แต่มันอยู่ระหว่างทางที่จะไปถึงต่างหาก ……………………..