เป้าหมายหลักในทริปนี้คือ การเดินทางไปวัดฟ้าเวียงอินทร์ ชายแดนไทย-พม่า
ทริปนี้สารภาพว่า เก็บรูปมาไม่ค่อยได้ เนื่องจากทางที่คดเคี้ยวเป็นลูกรัง หินก้อนใหญ่ ทำให้ควบคุมรถลำบาก มีช่วงหนึ่งที่ผมเอารถไปล้ม เนื่องจากหลบหลุมแล้วไถลไปบนใบไม้แห้งทำให้เบรคไม่อยู่ โชคดีไม่เป็นอะไรมาก อีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่สามารถเก็บภาพได้ เนื่องจากตอนที่เราออกจากวัดฟ้าเวียงอินทร์นั้น เราย้อนกลับมาทางเดิม เพื่อที่จะหาทางตัดเข้าไป อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมาทราบในภายหลังว่า เราเลี้ยวผิดไปเล็กน้อย ผลจากการเลี้ยวผิดไปนั้น ทำให้เราเจอกับช่วงทดสอบ ปารีส-ดักการ์ อะไรราว ๆนั้น เนื่องจากต้องตัดเข้าไปทาง โครงการหลวงดอยดำ ซึ่งบริเวณนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการทหาร เนื่องจากติดกับแนวชายแดนด้านสหภาพพม่า ผมจึงไม่สามารถ(คิดเอาเอง ว่าไม่ถ่ายดีกว่า) ถ่ายรูปได้
ทางช่วงนี้จากป้ายบอกทางจะยาวประมาณ 38 กิโลเมตร แต่โดยส่วนตัวขี่รถยากที่สุดตั้งแต่เกิดมา เพราะเป็นทางลูกรังแคบ ๆ ตัดผ่านป่า บางช่วงต้องลงน้ำขังแล้วขึ้นเนินซึ่งตัดแรงส่งของรถออกไปเยอะเลย บางส่วนดินถูกกัดเซาะเป็นร่องเต็มไปหมดทำให้ต้องใช้สมาธิอย่างมาก
ตอนนั้นเรายังไม่ได้เข้าเขตแม่ฮ่องสอนเลย ทุกคนค่อนข้างกังวลพอสมควร เพราะทางนี้ยังไม่มีใครเคยมา นอกจากนี้เมื่อทุกคนเห็นสภาพเส้นทางแล้วก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะเ้ข้าไปถึง อ.ปาย ตอนกี่โมง เพราะเื่มื่อเราเข้าปายได้แล้ว เราต้องกลับเชียงใหม่กันทันที
ขี่รถกันแบบทุลักทุเลได้สักสองชั่วโมง หึ ๆ ทาง 38 กิโล สองชั่วโมง ….
เราก็เจอกับหมู่บ้านกลางทาง เลยจอดแวะสอบถามว่า ถ้าจะออกไปปายต้องไปทางไหนครับ ปรากฏว่ายายแกพูดไทยไม่ได้ ก็เลยต้องเดินตามหาคนที่พูดไทยได้ สักครู่ก็เจอน้าผู้หญิงใจดีบอกทางออกให้ เราขี่กันมาตามทาง ผิวถนนเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
พอเิริ่มเข้าหมู่้บ้าน ถนนเป็นคอนกรีตแต่เต็มไปด้วยทราย ทำให้เสียว ๆ เวลาเลี้ยวรถเข้าโค้ง พอขี่มาได้สักพัก ตรงทางโค้งก็เจอฝรั่งกลุ่มหนึ่งสัก 4-5 คนได้ มุงอะไรกันอยู่ เราจึงชะลอรถ เพราะเห็นว่าน่าจะเกิดอุบัติเหตุ ผมก็จอดรถลงไปดู เจอฝรั่งวัยรุ่นผู้ชายนั่งกุมหัวเข่าอยู่ร้องโอดโอย ก็เลยเข้าไปดูแผลให้ ปรากฏว่าพี่แกเ้ข้าโค้งแรงไปหน่อยเจอทราย อิอิ หัวเข่าเป็นแผลทะลุเป็นรูโบ๋เห็นเอ็นสีขาว ๆ
ผมก็เลยเอาผ้าพันแผลกับยาแดงจากพี่ที่ไปด้วยกัน เข้าไปช่วยกันปฐมพยาบาล ก็เอาน้ำเปล่าขวดใหม่เลย ล้างแผลให้เอาฝุ่นออกก่อน แต่ผมไม่อยากให้เอาเบตาดีนรดแผล เพราะคิดว่ามันจะกัดแผล น่าจะใช้น้ำเปล่าล้างไปก่อนแล้วรีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อล้างแผลด้วยน้ำเกลือ แต่ผมเองยังไ่ม่รู้เลยว่า โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดห่างจากที่นี่กี่กิโล
ขณะที่คิด ทันใดนั้นก็มีฝรั่งผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาขอน้ำ แล้วก็เทน้ำใส่ถุงพลาสติก จากนั้นเอาเบตาดีนเทลงไป แล้วเอาผ้าพันแผลจุ่ม จากนั้นก็เอาไปยัดแผลรูโบ๋ตรงหัวเข่าของวัยรุ่นฝรั่งคนนั้น
ผมก็อึ้งเล็กน้อย เอ้อ เอางั้นเลยเหรอว่ะ ผมคิดในใจ สถานการณ์ตอนนั้นเหมือนดูหนังสงคราม พอทหารบาดเจ็บ มีอะไรก็ใช้ไปก่อน ไม่ตายหรอก อะไรประมาณนี้ ยัด ๆ ไปเถอะ โอเค งั้นพวกเราไปก่อนละนะ บาย
พอขี่รถเข้ามาถึงปาย เราก็เจอรถชนกัน ขี่มาอีกสักพัก เราก็เจอคนตกจากหลังคาลงมากระแทกพี้น สลบแน่นิ่งไปก่อนถึงไฟแดงนิดเดียว
คิดในใจว่า เอ้ วันนี้เราจะเจอแจ็คพ๊อตไหมว่ะเนียะ ชักไม่ค่อยดีแล้ว
เราตกลงกันว่า งั้นเอางี้เราไปแวะตรงสะพานท่าปาย ถ่ายรูปกันเสร็จแล้วกลับเชียงใหม่กันเลยดีกว่า ทุกคนตกลงตามนั้น ดังนั้นในทริปนี้ช่วงที่ทรมานที่สุด โหดที่สุด คือ 38 กิโลเมตร จากดอยดำตัดเข้า อ.ปาย
กลับมาถึงเชียงใหม่สักทุ่มกว่า ๆ ผมทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น 1 day trip ครั้งนี้ สนุกกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมาเลย
แล้วคุณล่ะ ไม่คิดจะลองมันสักครั้งเหรอครับ… คนเล่นเป็นหมู คนดูเป็นเซียน