ช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ที่ผ่านมา เสบียงหมด จึงต้องออกไปหาซื้อเสบียงมาเข้าตู้เย็นไว้ให้พออยู่ได้สักสองสามวัน ระหว่างที่แม่บ้านเดินเลือกซื้อของอยู่นั้น ผมก็ขอแว๊บออกมาเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อย มุมโปรดของผมก็คงไม่พ้นมุมหนังสืออีกตามเคย ยืนมองอยู่สักพักสายตาก็เหลือบไปเห็นหน้า STEVE JOBS บนหน้าปก TIME APRIL 12, 2010
ความรู้สึกแรกที่เห็น คือ ใครถ่ายรูปวะ โคตรสวยเลย นี่ถ้าเอามาขยายเท่าผนังบ้าน เป็นแบ็คกราวด์ แล้วมีโต๊ะทำงานวางอยู่ด้านหน้า คงเท่น่าดู บรรยากาศก็คงเหมือน ๆ กับตอนที่ JOBS พรีเซนท์สินค้าของ Apple นั่นแหละ
ผมรำพึงกับตัวเองว่า สงสัยคงไม่พ้นเรื่อง iPad แน่เลย ในที่สุด ตระกร้ารถเข็นก็มี TIME กลับออกมาด้วย
กลับมาถึงบ้าน ก็ทำพิธีกรรมชงกาแฟ อือม หนังสือแบบนี้ espresso สักช็อตดีกว่า ( ผมให้ความสำคัญกับกระบวนการเหล่านี้ค่อนข้างมากครับ คล้ายกับว่า เราปรับบรรยากาศตรงนั้นให้เหมือนบรรยากาศห้องสมุด อะไรทำนองนี้ เพื่อดึงสมาธิเข้ามาสู่ตัวหนังสือและเป็นการปรับความพร้อมในการอ่านของตัวเราด้วย เหมือนกับตอนที่เราจุดอะโรมานั่งดูดาว …. ถ้าเราปรับบรรยากาศให้ดีได้ ทุกเรื่องในชีวิตก็เป็นเรื่องดี ไม่จำเป็นต้องเป็นกาแฟ หากเราชอบน้ำส้ม ชามะลิ หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ให้ทำสิ่งนั้น ใจเราจะได้สบาย พร้อมที่จะเปิดรับ เหมือนตอนไหว้พระ นั่งสมาธิ เราจุดธูปเทียน เพื่อสักการะ บูชา แต่ขณะเดียวกัน กลิ่นควันธูปก็จะคอยสร้างบรรยากาศ ให้เรารู้สึก สงบ สำรวม ไม่วอกแวก)
JOBS ขึ้นปก TIME ครั้งแรก ตอนผมอายุได้สองขวบ : TIME : FEB 15, 1982.
สำหรับหน้าปก TIME : APRIL 12, 2010 ที่ผมชมว่าปกถ่ายรูปได้สวยมาก ๆ นั้น เป็นฝีมือของ Marco Grob
จริง ๆ แล้ว ผมไม่ได้ต้องการจะอ่านเพื่อว่า iPad มีอะไร แต่ต้องการอ่านว่า JOBS คิดอะไร คิดแบบไหน
ผมมีอุปกรณ์ทีมีตรา Apple ติดอยู่เพียงสองชิ้น คือ iPhone classic มือสอง กับ Macbook Pro เท่านั้น และสำหรับอุปกรณ์สองชิ้นนี้ สำหรับผมแล้วมีราคาค่อนข้างสูงมากสำหรับการดำรงชีวิตของผม ไม่แน่ Apple ที่ติดอยู่อาจจะเป็นลูกเดียวกับที่ตกใส่หัว เซอร์ ไอแซค นิวตันก็ได้
เหตุผลที่ซื้อมาก็เพราะว่า จะลองเอามาเขียน App บน iPhone เนื่องจากที่ศึกษาดูต้องอาศัย Xcode ในการเขียนด้วย ซึ่งจนถึง ณ วันนี้ ก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย แถมหลัง ๆ Android SDK ก็โผล่ออกมาอีกแล้ว … โลกหมุนไปทุกวัน ส่วนตัวผมยังหมุนรอบตัวเองอยู่เลย
เหตุผลสำคัญที่สุด ไม่ใช่เรื่อง Design เป็นหลักหากเป็นเพราะว่าผมชอบความคิดของ JOBS จะว่าไป STEVE JOBS ก็คงคล้ายกับ STEVE McManaman ตอนเล่นให้กับ Liverpool เพราะพลิ้วไหวเหมือนกัน เพียงแต่คนหนึ่งพลิ้วไหวบนวิสัยทัศน์ ส่วนอีกคนก็พลิ้วไหวบนพื้นหญ้า
ผมเริ่มให้ความสนใจจริง ๆ กับ JOBS เมื่อครั้งที่ได้ยินเขากล่าวปาฐกถาในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
ถ้าเราได้เคยอ่านชีวประวัติของ JOBS มาบ้าง ก็คงคิดว่าเขาคนนนี้เป็นเหมือนกับพระเอกตัวจริง
ในนิตยสาร TIME ฉบับนี้ สัมภาษณ์โดย Stephen Fry ซึ่งสารภาพว่าเขารู้สึกใจสั่นไม่น้อยตอนเข้าไปสัมภาษณ์ JOBS ถึงขั้นลืมอัดเสียง
มีสองย่อหน้าที่ Stephen เรียบเรียงออกมา แล้วทำให้ผมคิดว่าคุ้มสำหรับ TIME เล่มนี้ คือ
ตอนสัมภาษณ์ Jonathan Ive ผู้ออกแบบ iPad (อย่าลืมดูรายได้ของ Ive ด้วยนะครับ)
” พวกเขามักจะมองดูแค่ลักษณะเด่นโดยรวมของมันเท่านั้น ซึ่งวิธีคิดแบบนี้ไม่ใช่แก่นของเรา”
สอดคล้องกับที่ JOBS บอกว่า “We start with the product and the user experience”
เท่านี้เราก็คงพอมองเห็นวัฒนธรรมองค์กรของ Apple ได้เป็นอย่างดี นี่สินะองค์กรระดับโลก
หนัง Hollywood เรื่องหนึ่งก็คงยาวไม่เกิน 3 ชั่วโมง หรือถ้าเป็นไตรภาค รวมกันอาจไม่เป็น 13 ชั่วโมง มีการแบ่งเว้นช่วง มีจุด Climax ของเรื่อง แล้วในที่สุดก็มีตอนจบให้เราเห็น กลับออกจากโรงหนัง เราอาจร้องไห้ อาจหัวเราะ อาจจะอยากเป็นนั่น เป็นนู้น นี่ โน้น ตามแต่อารมณ์ที่ตกค้างมาจากหนัง
พยายามจดจำความรู้สึกเหล่านั้นไว้ แล้วมาสร้างให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับชีวิตจริงของเรา ตอนนี้เรากำลังแสดงฉากไหนกันอยู่ ถึงตอนไหนของเรื่องแล้ว แต่แน่นอน หากคุณอายุยังน้อย คงยังไม่อยากให้ใกล้ถึงตอนจบ เพราะมันจะเป็นเพียงแค่หนังสั้นเรื่องหนึ่ง ที่แสนจะน่าเบื่อ
กว่า JOBS จะมาถึงวันนี้ คงไม่ใช่ 3 ชั่วโมงกับการนั่งเคี้้ยวป๊อบคอร์นอย่างแน่นอน …. จริงไหมครับ