กดเพื่อฟังบทความนีล ไกแมน นักเขียนระดับโลก เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่า การอ่านเพื่อความเพลิดเพลินใจ เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญหลายอย่างที่ใครก็สามารถทำได้ ผมต้องการแบ่งปันบริบทที่พูดถึง “ห้องสมุด” เพราะว่าทุกคนควรอ่านเพื่ออนาคตของเรา
เขาวอนให้คนเข้าใจถึงความสำคัญของห้องสมุดและบรรณารักษ์ รวมทั้งพยายามรักษาสองสิ่งนี้ให้อยู่คู่กันไว้
นีลนั้นสนใจเรื่องการอ่านของผู้คน การอ่านนวนิยาย ห้องสมุดต่าง ๆ และบรรณารักษ์ทุกคนที่ดำรงอยู่ รวมถึงการช่วยฟูมฟักความรักในการอ่านและสถานที่ที่การอ่านได้เกิดขึ้น ฟังดูแล้ว นีล ค่อนข้างมีอคติโน้มเอียงเรื่องการอ่านในฐานะที่เขาเป็นนักเขียน ใช่หรือไม่ แต่ในขณะเดียวกันเขากลับโน้มเอียงไปในฐานะนักอ่านเสียยิ่งกว่าอีกหลายเท่า
ทุก ๆ สิ่งเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเราอ่าน
คนที่ไม่อาจทำความเข้าใจผู้อื่นได้เขาก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างกันได้ ไม่สามารถสื่อสาร วิธีการที่ง่ายที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าเราได้สร้างการรู้หนังสือให้กับเด็ก ๆ นั่นก็คือการสอนให้พวกเขาอ่านและแสดงให้เห็นว่าการอ่านเป็นสิ่งที่สร้างความสุข ความพึงพอใจให้กับเราได้
……
ผมไม่คิดว่ามันจะมีหนังสือที่ไม่ดีแม้แต่เล่มเดียวสำหรับเด็ก มันเหลวไหล คล้ายกับเรากำลังบอกว่าของเราดีกว่าคนอื่น มันดูไม่ค่อยฉลาด เราจำเป็นต้องให้เด็กก้าวขึ้นไปสู่บันไดของการอ่าน อะไรก็ตามที่ทำให้พวกเขาสนุกกับการอ่านก็จะยิ่งทำให้พวกเขาพัฒนาขึ้นไปทีละขั้นสู่โลกวรรณกรรม การค้นหาบางอย่างที่นำคุณไปสู่การอ่านจะกลายเป็นสิ่งสำคัญในที่สุดสำหรับการสร้างวิถีทางของตัวเองบนโลกใบนี้ และนั่นคือโลกไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถแตกต่างไปจากเดิมได้
นวนิยายช่วยสร้างความเห็นอกเห็นใจ นวนิยายเป็นสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาจากตัวอักษร 26 ตัวอักษรบวกกับการเว้นวรรคตอน มีแต่คุณและคุณเท่านั้นที่ใช้จินตนาการของตัวเอง สร้างโลกและผู้คนผ่านมุมมองของตัวคุณเอง ที่ที่คุณจะเป็นอีกคนและเมื่อคุณกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง คุณจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม..เล็กน้อย
…..
“ผมโชคดี ผมมีห้องสมุดประชาชนคอยฟูมฟักและมีบรรณารักษ์ที่ให้ความเอ็นดู เด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ไปห้องสมุดคนเดียว แล้วพุ่งตรงไปที่มุมหนังสือเด็กทุกเช้า คอยค้นหาดูบัตรคำ มองหาหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องผีหรือ เวทมนต์หรือท่องอวกาศ แวมไพร์ นักสืบ แม่มด หรือเรื่องมหัศจรรย์ต่าง ๆ
พวกเขาเป็นบรรณารักษ์ที่ดี ชอบหนังสือและชอบให้หนังสือมีคนอ่าน ไม่ได้ตำหนิหรือหักหาญน้ำใจในเรื่องที่ผมอ่าน พวกเขาดูเหมือนจะชอบเด็กชายตัวเล็กตาโตที่ชอบอ่านหนังสือและอยากจะคุยกับผมถึงเนื้อเรื่องในหนังสือที่ผมอ่าน บางครั้งก็ช่วยผมหาหนังสือแบบที่ผมชอบ ดูแลผมด้วยความรักความเอาใจใส่ซึ่งผมไม่เคยได้รับจากที่ไหนแบบนี้ ผมไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่ด้วยการให้เกียรติอย่างที่เด็กอายุ 8 ขวบ จะคิดว่าเขาควรจะได้รับ“
ห้องสมุดเป็นสถานที่ที่เกี่ยวกับอิสรภาพ เป็นสถานที่สำหรับอิสรภาพในการอ่าน อิสรภาพทางความคิดและการสื่อสาร เป็นสถานที่สำหรับการเรียน ความบันเทิง เป็นพื้นที่ปลอดภัยและทำให้เราเข้าถึงข้อมูล
เป็นเวลากว่า 20 ปีก่อนหน้าจะมี ebook หนังสือตัวเล่มนั้นเป็นเหมือนกับฉลาม ฉลามแก่แล้ว พวกมันมีฉลามอยู่ในทะเลก่อนที่โลกจะมีไดโนเสาร์อีก แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีฉลามอยู่ในทะเล เพราะอะไร? ก็เพราะว่าฉลามเป็นฉลามได้ดีกว่าเป็นอย่างอื่น
หนังสือตัวเล่มนั้นแข็งแรง ทนทาน ทนน้ำ ทนแดด ยิ่งเวลาที่เราได้จับมันกางออกนั้นเป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก หนังสือก็เช่นกัน มันจะคงอยู่ต่อไปเหมือนฉลาม เพราะมันเป็นหนังสือได้ดีกว่าเป็นอย่างอื่นและมันก็จะมีที่สำหรับหนังสืออยู่เสมอ
……….
ห้องสมุดเป็นพื้นที่ปลอดภัยดังสวรรค์บนโลก เป็นสถานที่ที่มีบรรณารักษ์อยู่
เราจำเป็นที่ต้องสอนเด็ก ๆ ให้พวกเขาอ่านให้เป็นและสนุกกับการอ่าน เราต้องการห้องสมุด เราต้องการหนังสือ เราต้องการให้ประชากรรู้หนังสือ หนังสือเป็นหนทางที่คนที่ตายไปแล้วได้สื่อสารกับเรา เป็นทางที่เราได้บทเรียนจากผู้คนที่ไม่ได้อยู่กับเราอีกต่อไปแล้ว เป็นทางที่ความเป็นมนุษย์ได้ก่อร่างสร้างตัวของมันขึ้นมา เติบโตและสั่งสมความรู้
เราต้องอ่านด้วยความเพลิดเพลิน และถ้าหากมีใครมาเห็นเราอ่านหนังสืออยุ่ เราต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าการอ่านเป็นเรื่องที่ดี เราต้องสนับสนุนห้องสมุดและต่อต้านการปิดห้องสมุด ถ้าหากเราไม่ได้ให้คุณค่าแก่ห้องสมุด นั่นคือเรากำลังทำให้เสียงของอดีตจางหายไปพร้อมกับทำลายอนาคตไปด้วย
นิยายคือเรื่องโกหกที่บอกเล่าถึงความจริง เราต่างก็ต้องฝันกลางวันหรือมีจินตนาการด้วยกันทั้งนั้น มันง่ายที่จะเสแสร้งว่าไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เนื่องจากสังคมนี้มันกว้างประกอบด้วยผู้คนมากมาย ลำพังเพียงปัจเจกชนแทบจะทำอะไรไม่ได้ แต่ความจริงก็คือปัจเจกชนสร้างอนาคตและพวกเขาทำมันด้วยการจินตนาการว่าสิ่งต่าง ๆ สามารถแตกต่างกันได้ นี่คือจุดเริ่มต้น
ครั้งหนึ่งอัลเบิร์ต ไอสไตน์ ถูกถามว่าเราสามารถทำให้เด็ก ๆ ของเรา เฉลียวฉลาดขึ้นได้อย่างไร เขาตอบว่า “ถ้าหากเราต้องการให้เด็กเฉลียวฉลาดขึ้น ก็อ่านเทพนิยายให้เขาฟัง แล้วถ้าอยากให้เขามีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้นไปอีก ก็อ่านเทพนิยายให้เขาฟังบ่อย ๆ”
ผมหวังว่าเราสามารถให้โลกที่ซึ่งเด็กจะอ่าน อ่าน จินตนาการและเข้าใจ
