ห่างหายกันไปหลายวันเลยครับ … สำหรับอีแร้งแดง….? มารายงานตัวแล้วครับ….? ทราบแล้วเปลี่ยน
ใครได้ดูฟอร์มการเล่นของลิเวอร์พูลในช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งเซ็งนะครับ แล้วบรรดาเด็กหงส์ทั้งหลายก็อย่าเพิ่งท้อแท้หมดหวังในทีมเสียก่อนล่ะ อีแร้งแดงขอบอกว่าฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกล บางทีหงส์อาจพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีค ( ไทยแลนด์ ) ก็เป็นได้
วันนี้อีแร้งแดงใคร่ขอนำเสนอเรื่องราวของนักเตะหงส์แดงตะแคงฟ้าอีกเรื่องราวหนึ่งซึ่งมันเป็นเรื่องที่คาใจผมานานพอสมควรและผมก็เชื่อว่ามันคงคาใจใครอีกหลายคนด้วย
คุณทราบหรือไม่ครับว่า นักฟุตบอลคนหนึ่งนั้น อาจถูกเรียกขานโดยแฟนบอลทั้งฝ่ายทีมตัวเองหรือฝ่ายตรงข้ามด้วยชื่อหรือคำเรียกขานพิเศษ หรือในภาษาหนังสือพิมพ์บางทีเขาก็ตั้งฉายาให้นักเตะกันมากมาย เช่น เบบี้โกล์ คือฉายาที่สื่อตั้งให้กับไมเคิล โอเวน หรือ เจ้ากระต่าย คือ ฉายาที่สื่อสเปนตั้งให้กับฮาเวียร์ ซาบิโอลา เป็นต้น
ในเมืองไทยเราก็เช่นกัน สื่อมวลชนไทยต่างก็ตั้งฉายาเรียกขานนักเตะ เช่น “ซิโก้” ซึ่งผมว่ามันง่ายกว่าเรียกชื่อคุณเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ( ซึ่งมันยาวกว่า “ซิโก้” ) ซึ่งเขามีลีลาการเล่นคล้ายกับตำนานนักเตะของบราซิลชื่อซิโก้นั่นเอง
ครับนั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสื่อมวลชนต่อนักฟุตบอลในประเทศของตน….
แต่คุณครับ ผมอยากบอกว่าไอ้ที่มันคาใจผมเนียะ มันคือ ฉายาของนักเตะ ( รวมถึงคนในวงการฟุตบอลต่างประเทศ ) ที่สื่อมวลชนตั้งให้กับเขาเนียะ อีแร้งแดงขอความเห็นใจผู้รู้ท่านใดก็ได้ช่วยบอกหน่อยว่า พี่ ๆ สื่อมวลชนหรือเปล่าหรือแฟนบอลกลุ่มไหน หรือว่าใครที่ช่วยตั้งฉายาให้นักฟุตบอลต่างประเทศได้ถึงบางอ้อขนาดนั้นครับ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ
เหนือสิ่งอื่นใด ในฐานะของเด็กหงส์คนหนึ่งซึ่งคาใจมานานแล้ว อยากรู้จริง ๆ ว่า ทำไมนักเตะลิเวอร์พูลจึงมีฉายามากมายหลายคน? ฉายาเหล่านั้นพี่สื่อมวลชนตั้งให้เองหรือไม่? คนที่ตั้งฉายาให้เป็นเด็กหงส์หรือเปล่า? หรือว่าเขาเป็นเด็กผี?… อันนี้ต้องเคลียร์!
ต้องเคลียร์ให้เข้าใจตรงกันครับ จะได้ไปขอบคุณพวกพี่ ๆ เขาถูกคน เพราะฉายานักเตะลิเวอร์พูลเหล่านั้นมันโดนใจอีแร้งแดงอย่างแสบสันต์รูตูดจริง ๆ ครับ เจ้านาย
เอาล่ะครับ อารัมภบทมาเสียยืดยาว จริง ๆ แล้ววันนี้ผมเองก็มีเรื่องราวของฉายานักเตะลิเวอร์พูลมานำเสนอทุกท่านครับ แต่ขอบอกไว้ก่อนครับว่า ฉายาเหล่านี้อีแร้งแดงคาดว่าคงเป็นพี่ไทยเรานี่แหละครับที่ช่วยเป็นเจ๊ดันมันขึ้นมา ซึ่งมีทั้งฉายาที่พี่สื่อมวลชนช่วยนำเสนอผ่านสื่อของท่าน รวมถึงบางฉายาที่แฟนบอลต่างเรียกขานนักเตะด้วยครับ
ลองดูนะครับว่า ฉายาของนักเตะลิเวอร์พูลเหล่านี้คุณคุ้นเคยกับมันบ้างไหม …..
“ผู้พัน”
เป็นฉายาที่พี่ ๆ สื่อมวลชนตั้งให้กับ ซานเดอร์ เวสเตอร์เวลด์ ผู้รักษาประตูชาวดัตช์ ซึ่งเฮียโปนเรียกใช้งานเขา “ผู้พัน” เป็นผู้รักษาประตูฝีมือดีคนหนึ่งเลยครับ แต่แกติดมั่นใจในตัวเองเกินไป จนบางทีน่าหมั่นไส้ จนอยากเอาตีนถีบ จนเมื่อแกพลาดพลั้งเสียประตูแบบโง่ ๆ เพียงครั้งเดียว ก็ถูกปลดจากมือหนึ่งแบบสายฟ้าแลบทันที โดยเสียตำแหน่งให้กับเจอร์ซี่ ดูเด็ก ( ซึ่งตอนนี้ยังไง ๆ ก็ดูแก่ )? ไปซะยังงั้น ถูกดองนานเข้า ผู้พันก็บ๊ายบายแอนฟิลด์ไปค้าแข้งในสเปนครับ ( ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้มีชะตากรรมอย่างไรบ้าง )
“ตีนผี”
เข้าใจว่า นี่เป็นอีกฉายาหนึ่งซึ่งสื่อไทยสถาปนาให้แบ็คซ้ายไวกิ้งรายนี้ หลังจากย้ายมาจากทีม อาแอส โมนาโก ในลีกเอิงของฝรั่งเศส ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ก็ระเบิดฝีตีนสะท้านพรีเมียร์ลีคอังกฤษแจ้งเกิดกับลิเวอร์พูลทันที ความทรงจำที่ผมมีต่อเขานั้นที่แจ่มชัดที่สุดคือ หลังจากที่เขาใช้ตีนระเบิดยิงไกลและลูกบอลกระซวกตาข่ายแทบขาด แล้วเขาก็ดึงเสื้อสีแดงเพลิงขึ้นมาคลุมหน้าตัวเองจนดูเหมือนกับหน้าผีนั่นแหละครับ
แม้ปัจจุบัน รีเซ่จะไม่ได้อยู่กับหงส์อีกต่อไป แต่ผมเชื่อว่าจะไม่มีใครลืมเขาลงแน่ครับ โดยเฉพาะเรื่องฮือฮาในก๊วนกอล์ฟกับทีมเมท ก็หวังว่าการออกไปหาความท้าทายใหม่กับทีมหมาป่าแห่งกรุงโรมจะทำให้ไอ้ตีนผีหลบวงสวิงของอดีตทีมเมทเลือดร้อนได้พ้น
“เอ๋อ”
ไม่มีสาวกหงส์แดงรายใดไม่รู้จักเขา… ยอดชายนาย เจมี คาร์ราเกอร์ ผู้เป็นเสาหลักให้กับลิเวอร์พูลมายาวนานนับสิบปี ผมพบคำเรียกขาน “เอ๋อ” ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนได้ดมตดระยะเผาขนเลยครับ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดสื่อจึงขนานนามพี่เขาเช่นนั้น แต่พอนานไปก็คิดได้ว่าฉายานี้มันเข้ากับพี่เอ๋อของเราดีจริง ๆ
หากใครได้ดูหนังเรื่อง The Water Boy มาก่อน ก็คงจะนึกถึงพี่เอ๋อแกด้วยแน่เครับ เพราะลีลาการเล่น ( American Football ) ของพระเอกเรื่องนี้มันละม้ายกับการเล่นของพี่เอ๋อมั่ก ๆ คือ วิ่งหน้าตั้งเข้าไป ( ทำแต้ม ) เคลียร์เหมือนกับควายวิ่งไล่ขวิดคนอย่างนั้นเลยครับ นั่นละครับ? Concept ของพี่เอ๋อ คือ “ยังไงกูขอเคลียร์ไว้ก่อน” จนกลายเป็นภาพที่เรา ๆ เห็นจนชินตา
ด้วยฟอร์มการเล่นแบบนี้ “เอ๋อ” จึงกลายเป็นขวัญใจของมวลเดอะค็อปส์ทั้งหลายถึงขนาดที่อยากให้มีผู้เล่นอย่างพี่เขาทั้งทีม ( เดี๋ยวก็เอ๋อกันทั้งทีมหรอก )
“พระเจ้าตา”
พอได้อ่านพบฉายานี้แล้วนึกถึงภาพของกองหลังแดนฝอยทองนาม อาเบล ซาเวียร์ แล้วผมก็อดขำไม่ได้ครับ ก็เพราะด้วยการที่พี่เขามีทรงผมสั้น ๆ และไว้หนวดเครารุงรัง มองเห็นขนทุกเส้นบนหัวแกเป็นสีขาวตัดกับสีผิวดำคล้ำของแกดีจริง ๆ นี่ถ้าไปเจอพี่เขาในอินเดีย ผมคงต้องยกมือไหว้แกเพราะคิดว่าเป็นพวกฤาษีหรือสวามีเป็นแน่…. สาธุ
การได้พระเจ้าตามายืนในแดนหลังนั้นช่วยสร้างสีสันให้กับลิเวอร์พูลในยุคของเฮียโปนมากทีเดียวครับ แน่นอนก่อนนั้นทุกคนคงจะจำเขาในฟุตบอลยูโร 2000 รอบรองชนะเลิศที่โปรตุเกสพบกับฝรั่งเศสได้ครับ… ก็ใครล่ะที่ช่วยส่งเสริมแชมป์ให้ทีมตราไก่…? อิอิ
“ครองแครง”
นี่ไม่ใช่ขนมกรุบกรอบที่มีรสหวาน-เค็ม-เผ็ดของไทยนะครับ หากแต่เป็นฉายาของนักฟุตบอลแดนกังหันลมที่ชื่อ แยน ครอมแคมป์ ซึ่งผมรู้จักเขาครั้งแรกในข่าวที่คุณสรยุทธแจ้งว่าลิเวอร์พูลได้นักเตะแบ๊คขวาตัวใหม่คนนี้มาร่วมทีม แล้วคุณยุทธเขาก็คิดตรงกับผมพลางหัวเราะออกมาว่า ชื่อเหมือนครองแครงเลย หลังจากนั้นเมื่อผมได้สนทนากับแฟนบอลท่านอื่น ทุกคนต่างก็เรียกนักเตะผู้นี้ว่า “ครองแครง” กันหมดเลยครับ
อันที่จริงน้องครองแครงเขาก็เป็นนักเตะที่มุ่งมั่นดีครับ แต่ผมอยากบอกว่าไร้ความโดดเด่น จนราฟาเองยังสับสนกับชีวิตเลยว่าซื้อเขามาร่วมทีมทำไม และนั้นก็คือรอยด่างหนึ่งที่ราฟาใช้เงินสโมสรไปลงทุนกับนักเตะแบบลองผิดลองถูก ซื้อมาถ้าไม่ถูกใจก็ดองแล้วก็ขายไปแบบถูก ๆ? ครับ
ก็อย่างว่านั่นแหละครับชีวิตมันมีหลายรสชาติ คล้ายกับขนมไทย… ครองแครง
“ถีบจักร”
สื่อมวลชนอังกฤษได้ขนานนามนักเตะผู้มีความเร็วและขยันวิ่งสู้ฟัดผู้หนึ่งด้วยฉายาที่ว่า “หนูถีบจักร” เขาคนนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก เครก เบลลามี่ นักเตะผู้เคยเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายและหน้าต่ำกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งต่อมาต้องมีชะตาร่วมทีมกับหลายสโมสร
หลังจากโชว์ฟอร์มแจ่มกับแบล็คเบิร์น ราฟาจึงตัดสินใจควักเงินซื้อเขามาร่วมทีม นักเตะเลือดมังกรแดงรายนี้ได้สร้างความฮือฮากระหึ่มแอนฟิลด์ นอกจากฟอร์มในสนามจะหวือหวา ชีวิตนอกสนามก็ไม่แพ้กัน… โดยเฉพาะการออกรอบกับทีมเมท แล้วใช้ไม่กอล์ฟฟาดใส่ไอ้ตีนผี มันจะดุเดือดเผ็ดมันอย่างไรผมไม่ทราบได้ แต่ภาพของท่าดีใจหลังจากเจาะตาข่ายทีมบาร์เซโลน่าในการเล่นแชมป์เปียนส์ลีกได้นั้น วงสวิงเขาช่างงามหยดย้อยกระทบใจผมเกินบรรยายครับ
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมระยะหลังเขาอยู่กับทีมไหนไม่ได้นาน
“คุณชาย”
นี่คือฉายาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบุรุษผู้มีเชื้อเจ้า ( วงศ์สกุลหรือบ่อนไหน )? แต่เป็นฉายาของนักเตะทีมแชมป์ฟุตบอลยูโรครั้งล่าสุด ผู้มีส่วนเปลี่ยนทีมหงส์แดงให้มีสภาพกึ่ง ๆ “กระทิงแดง” แน่นอนที่สุดครับผมกำลังพูดถึงมิดฟิลด์ตัวกลางนาม ซาบี อลองโซ่
คุณชายคือนักเตะทีมชาติสเปนผู้มีลีลาการเล่นแบบสุภาพบุรุษ หรือแบบผู้ดีมีสกุลอะไรทำนองนั้น แต่ด้วยความเชื่องช้าใจเย็นและนุ่มนิ่ม แบบ “อีติ๋ม” มากเกินจำเป็น ทำให้บางครั้งอีแร้งแดงก็สงสัยว่านี่คือมิดฟิลด์ตรงกลางที่ดีที่สุดที่ต้องเล่นคู่กับเจอร์ราดจริง ๆ หรือ ขอได้ไหมครับพี่น้อง….? ขอความดุดันเพิ่มอีกสักหน่อย Shoot’ em up น่ะ เคยดูอ๊ะเปล่า !
ถ้าทำได้ อี ( แร้ง ) เย็นจะไปกราบคุณท่านงาม? ๆ เลยเจ้าค่ะ
“เจิด”
“ใครหนอช่างคิดฉายาได้บ้าน ๆ ถึงขนาดนี้ ? ” นั่นคือความคิดแรกเมื่อผมได้อ่านพบฉายานี้บนหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งก่อนหน้านั้นผมเคยพบว่ามีฉายาอื่น เช่น “หัวขิง” หรือ ” จี ( สติง )” เคยถูกนำมาใช้เรียกแทนนามกรของโคตรนักเตะฟ้าประทานนาม สตีเว่น เจอร์ราร์ด อยู่ก่อนแล้ว
พ่อเจิด คือลูกหม้อหรือผลผลิตจากอคาเดมี่ซึ่งผลิตนักฟุตบอลตั้งแต่ระดับเยาวชนของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง ผมอยากบอกไปเลยว่ามันเป็นโอกาสหนึ่งในล้านจริง ๆ ครับ ที่สโมสรฟุตบอลไหนก็ตามที่สามารถสร้างนักเตะเยาวชนแล้วปั้นดินให้เป็นดาวระดับโลกและเก็บไว้เล่นกับสโมสรตัวเองได้ยาวนาน และสตีวี่ จี คือโอกาสนั้น ซึ่งถือเป็นความโชคดีสำหรับตัวเขาเอง สโมสร แฟนบอลลิเวอร์พูลและทีมชาติอังกฤษอย่างแท้จริงครับ
การเล่นฟุตบอลของเจิดก็เป็นอะไรที่อีแร้งแดงเชื่อว่าสุด ๆ? จริง ๆ ไม่ว่าเขาจะยืนตำแหน่งมิดฟิลด์ ตัวกลาง ปีกขวา หรือเป็นมิดฟิลด์ตัวฟรี ก็สามารถทำเกมส์สร้างปัญหาให้ทีมคู่แข่งได้บ่อยครั้ง การเล่นที่ยอดเยี่ยมตลอดจนความเป็นผู้นำในทีมส่งผลให้ปัจจุบันเขาคือกัปตันทีมลิเวอร์พูล และกลายเป็นนักเตะที่ทีมจะขาดเสียไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาที่ทีมต้องการประตูให้ผ่านวิกฤติก็ได้ประตูมหัศจรรย์ที่หวังผลได้ของพี่เจิดแกนี่แหละมาช่วยไว้แทบทุกที เรียกได้ว่า “มีปัญหา… ปรึกษาเจิด…? เดี๋ยวจัดให้”
ปัญหาเดียวของเจิดคือ ทีมลิเวอร์พูลหวังพึ่งเขา ( กับตอร์เรส ) จนมากเกินไปหน่อย ทำให้หลายครั้งที่ขาดเขาไป สปิริตของทีมจะลดลงจนสร้างปัญหาผมร่วงให้ราฟานั่นแหละครับ
“กัปตันแจ๊ค”
“อยากทราบว่ายอสซี่ เบนายูนเป็นอะไรกับกัปตัน แจ๊ค สแปโรว์” คือข้อความจากแฟนบอลที่กลายมาเป็นตัววิ่งใต้การวิเคราะห์ฟุตบอลของวิเคราะห์ UBC แล้วผมดันไปอ่านมันเข้าแล้วโดนใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เจอข้อความจากใจแฟนบอลมารยาทงามที่ “อยากทราบว่า…” แถมพี่เขายังมีจินตนาการได้บรรเจิดเถิดเทิงถึงขวัญใจผม “กัปตันแจ๊ค สแปโรว์”? แห่งไพเรท ออฟ แคริบเบียน เสียด้วย
หลายวันต่อมาฉายา “กัปตันแจ๊ค” ก็ถูกเน้นย้ำจากคุณสุรเดช ( หนึ่งในทีมวิเคราะห์บอล UBC ) อีกครั้ง เรียกได้ว่าทันเกมจริง ๆ ครับ สำหรับคำพูดที่ว่า ” หน้าเหมือนกัปตันแจ๊ค”
กัปตันแจ๊คเป็นมิดฟิลด์ชาวยิวที่รูปร่างบอบบางเหมือนกุ้ง แต่ยามที่เขาเคลื่อนตัวไปพร้อมกับลูกบอลนั้นช่างพริ้วไหวดั่งสายน้ำ จนคู่แข่งไม่รู้จะจับเขาให้อยู่หมัดได้อย่างไร ไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งหน้าต่ำหรือมิดฟิลด์ตัวรุกทางกราบขวา กระทาชายนายแจ๊ค สแปร์โรว์ก็จัดว่าอันตรายทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่สร้างปัญหาให้กัปตันแจ๊คคือ ระบบโรเทชั่นของราฟา ที่ทำให้กัปตันเขาต้องติดกับม้านั่งเสมอกว่าจะได้ลงเล่นก็เป็นช่วงท้ายเกมส์ไปแล้ว และยิ่งไม่ได้ลงไปวิ่งเล่น ความฟิตก็น้อยลง… เหนื่อยง่าย
งั้นลอง “น้ำกล้วยแขก” ( สูตรของเพื่อนร่วมชาติชื่อ “Zohan” ) หน่อยไหมล่ะ ดับกระหายดีกว่าเกเตอร์เรทนักแล !
“เจ้าฤาษี”
นี่คือฉายาของนักฟุตบอลที่ไม่ได้มาจากเขายายเที่ยงหรือสำนักดาบสสำนักใด หากแต่เป็นฉายาที่สื่อไทยตั้งให้กับกองหน้าเฟรนช์แมนทรงผมขัดใจแม่นาม? ฌิบริล ซิสเซ่ ผู้ที่ราฟากระชากเขามาจากอ้อมอก ของ A.J. Auxerre ในฝรั่งเศสด้วยค่าตัวถึง 14 ล้านปอนด์
อีแร้งแดงจำได้แม่นยำเลยครับว่าขณะนั้นผู้จัดการทีมมือใหม่หวังจะปลุกปั้นเขาให้กลายเป็นตำนานดาวยิงหงส์แดงหลังจากที่เพิ่งทุ่มงบประมาณซื้อเขามา แต่อนิจจา! เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เจ้าฤาษีผู้ไว้หนวดเครารุงรังและทรงผมที่กวนบาทาผู้พบเห็นต้องมีอันขาหักสองท่อน จนต้องพักยาวไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาลงสนามได้เมื่อใด
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ลิเวอร์พูลทะลุเข้าชิงยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีกได้สำเร็จ พอดีกับที่เจ้าฤาษีหายทันมาช่วยทีมและเขากลับมาคว้าแชมป์ยุโรปได้อย่างหน้าตาเฉยเลยครับ!
ปัจจุบันหลังจากไม่สามารถสานต่อความสำเร็จกับลิเวอร์พูล เขาได้กลายเป็นนักเตะพเนจรกลับมาค้าแข้งกับทีมแมวดำ-ซันเดอร์แลนด์อยู่ในขณะนี้ครับ
“เปรต”
แม้เขาจะไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์กู้ แต่หากคุณได้พบเห็นเขายามราตรีเพียงลำพังคุณอาจกลัวจนขี้หดตดหายไปเลยก็ได้ เพราะเขาคือคนอะไรไม่รู้ย๊าวยาว ( ตัว ) สูงสุดยอดมนุษย์นักฟุตบอลนาม ปีเตอร์ เคราซ์ ผู้มีความสูงเกิน 2 เมตร ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยว่า ฉายา “เปรต” ที่สื่อไทยตั้งให้นั้นมีที่มาอย่างไร
ที่จริงปีเตอร์เป็นนักเตะที่ไม่ได้มีจุดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศอย่างเดียว แต่การมีช่วงขาที่ยาวเก้งก้างก็เป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้เขาเข้าถึงลูกบอลได้ก่อนคู่แข่งและมันอาจนำมาซึ่งการจบสกอร์ แต่เขามักจะโชคร้ายและค่อนข้างอาภัพที่ราฟาไม่ค่อยเห็นคุณค่าในตัวเขานัก ลืมที่จะใช้บริการเขาจนเขาต้องขอย้ายทีมเองเพื่อโอกาสในการเล่นฟุตบอลที่เขารักกับสโมสรปอมปีย์ในที่สุด
แต่ไม่ว่าราฟาเอล เบนิเตซจะจดจำหรือเห็นคุณค่าของ “เปรต” หรือไม่ ขอให้รู้ไว้เสมอว่า อีแร้งแดงยังจำนายได้เสมอและปีเตอร์ โดยเฉพาะตอนที่นายแข่งเสร็จแล้วมีกองเชียร์วิ่งลงสนามมาขอเสื้อของนาย ซึ่งนายก็ให้ แต่พอขอเสื้อซับในของนาย นายกลับหวงนักหวงหนายังไงล่ะ…. (เอ๊ะ! นี่เรากำลังพูดถึงปีเตอร์คนไหนเนียะ เริ่มสับสนในตัวเองแล้วล่ะ)
“อีแร้งแดง”
เอ่อ …? คือ…? คนนี้ไม่ใช่นักเตะครับ แต่อยากหน้าด้านขอเป็นผู้จัดการทีมจำเป็นดูสักหนครับ เอาเป็นว่าเรื่องฉายานี้ได้มาจากไหน…? คือไม่อยากบอกอ่ะ แล้วจริง ๆ อีแร้งแดงเป็นใคร…? อันนี้ก็ขอเก็บเป็นความลับละกัน ( นั่นสิจะรู้ไปทำไม)
เอาเป็นว่าถ้าสาว ๆ คนไหนอยากรู้จักอีแร้งแดงเป็นการส่วนตัวก็เบอร์ 08X-500XXXX? ครับ
สุดท้ายนี้ อีแร้งแดงขอฝากข้อคิดไว้นิดนึงครับว่า “ฉายา” หรือ “ชื่อ” ที่ทุกคนเรียกใครบางคนนั้น มันจะมีความหมายหรือคุณค่ากับคน ๆ นั้นมากน้อยเท่าใดก็สุดแล้วแต่คน ๆ นั้นจะให้ความหมายหรือคุณค่ากับมันว่าสำคัญกับเขาเพียงไร บางทีฉายาอาจเป็นเพียงแค่คำเรียก ถ้าเพียงแต่เราถอดหัวโขนหรือความยึดติดในตัวตนที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมาเองเราอาจพบอะไรดี ๆ กว่าที่เราเห็นเยอะมาก ได้เห็นคนที่มีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจเหมือนกับเรา รักกีฬาฟุตบอลและลิเวอร์พูลเป็นต้นครับ