29.2 C
Bangkok
You can buy items in Thailand that seller doesn’t offer international shipping. We buy it on your behalf and forward it to you.
รับสั่งสินค้าจากไทย ส่งไปประเทศที่สามตามความต้องการของลูกค้า

เราจะทำมาหากินอะไรกันดีในยุคของ AI (ตอนที่ 1)

Listen to this article
- Advertisement -
Herothailand.com รับสั่งหนังสือต่างประเทศ สินค้าต่างประเทศ
พร้อมรับประกันการจัดส่งถึงบ้าน
ไม่ได้รับสินค้า ยินดีคืนเงินเต็ม 100%
Tel : 08-5464-1644
..........................................

หากขึ้นหัวข้อว่า “ระบบเศรษฐกิจในยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4”

หัวข้อแบบนี้ดูจับต้องไม่ได้ ลองเปลี่ยนเป็นภาษาที่ทำให้เห็นภาพง่ายขึ้น “เราจะทำมาหากินอะไรกันดีในยุคของ AI”

เมื่อมองในภาพรวมกว้าง ๆ

ในยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และจักรกล หุ่นยนต์ (Mechatronics) ประชากรโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติ เราจะพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้นโดยที่ไม่เพิ่มความเหลื่อมล้ำได้อย่างไร? จะสร้างโลกที่ยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อไปได้อย่างไร?

ท่ามกลางการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งเทคโนโลยีอย่างเช่น AI, หุ่นยนต์, Big Data รวมถึงเทคโนโลยีชีวภาพที่ก้าวหน้ากว่าเดิม กำลังพัฒนาตัวมันเองและส่งผลกระทบออกไปสู่ทุกภาคอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมการผลิตแต่รวมไปถึงภาคบริการทั้งยังมีโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายอย่างที่หลายคนไม่เคยคาดคิดมาก่อน

หัวใจของการเปลี่ยนแปลงในยุคนี้คือ AI ซึ่งเมื่อมีการเรียนรู้ deep learning ไปสักระยะอาจก้าวหน้าจนคิด วิเคราะห์ แยกแยกแยะได้เอง อุตสาหกรรมการแพทย์กำลังใช้ AI และ Big Data เพื่อพัฒนายาและการรักษาโรค ขณะที่รถยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์กำลังมีบทบาทมากขึ้นในวิถีชีวิตของเรา

นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะกำหนดอนาคตของมนุษยชาติ โดยไม่จำเป็นต้องมีใครกล่าวเปิดงานและตัดริบบิ้นเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงการเริ่มต้น

……………

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ก็คงคล้ายกันกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 จากการที่เทคโนโลยีได้นำพาเราไปสู่การสร้างผลผลิตที่มากขึ้นกว่าเดิม โลกใบนี้เคยผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาแล้วหลายครั้ง เริ่มจากการถือกำเนิดของเครื่องยนต์กลไก จากนั้นก็ผ่านเข้าสู่ยุคของอิเล็กทรอนิกส์ ถัดมาก็เป็นยุคดิจิตอล ทั้งหมดนี้ล้วนเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของโลกไปโดยสิ้นเชิง เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้อาจส่งผลกระทบที่รุนแรงและในวงกว้างกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ผ่าน ๆ มานั้น หลักใหญ่ใจความจะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการผลิตในโรงงานซึ่งมักจะเป็นกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมหนัก แต่ ณ เวลานี้ เราจะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทุกแขนงไม่เฉพาะแค่กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตแต่ยังครอบคลุมไปถึงภาคบริการพร้อมทั้งยังมีการพัฒนาให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่เพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญคือมันได้ขยายขอบเขตเข้าไปยังงานต่าง ๆ ที่ครั้งหนึ่งเราเคยเชื่อว่ามีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้แต่ว่าในตอนนี้มันไม่จริงอีกต่อไป

หัวใจของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 นี้ก็คือปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นความสามารถของจักรกลในการจับคู่ข้อมูลและเมื่อทำไปได้สักระยะหนึ่งก็จะมีการพัฒนาอัลกอริธึมร่วมกับการมี Big data หรือฐานข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นละเอียดขึ้น ทำให้เกิด Deep learning ที่เครื่องจักรเรียนรู้และค้นหาผลลัพธ์ได้ดีขึ้นกว่าเดิม และในที่สุดก็ต้องถึงวันที่จักรกลเหล่านี้สามารถคิดวิเคราะห์ได้เทียบเท่ากับมนุษย์ที่สร้างมันขึ้นมา จากนั้นก็จะมีแต่ฉลาดกว่ามนุษย์ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ประโยชน์ของปัญญาประดิษฐ์นั้นมีมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างที่เราพบเห็นได้จริงในชีวิตประจำวันอย่าง รถยนต์ไร้คนขับ พาหนะไร้คนขับ อย่างเช่น โดรนหรือว่าหุ่นยนต์ส่งของ ที่ต่างก็ใช้ปัญญาประดิษฐ์ร่วมกับการพัฒนาทางวิศวกรรมในแขนงต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนจำนวนมาก

ลองนึกภาพผู้สูงอายุที่อายุมากเกินกว่าจะขับรถได้เองแล้ว หูตาฝ้าฟาง ไปไหนไม่ได้ ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้าน เดินเหินลำบาก จะไปไหนมาไหนต้องคอยพึ่งพาคนอื่น แต่พอมีรถยนต์ไร้คนขับ มีอุปกรณ์พยุงตัว หรือรถเข็นวีลแชร์ที่บังคับควบคุมทิศทางด้วยระบบไฟฟ้าก็ทำให้พวกเขาสามารถไปไหนมาไหนได้เอง สะดวกสบายขึ้น

หากเรามองไปที่เรื่องของ Big Data จะเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาตัวยา ส่งเสริมให้มีการคิดค้นและพัฒนายารักษาโรคชนิดใหม่ออกมาได้มากมายและรวดเร็วขึ้นเพื่อให้ทันต่อการรักษา ทั้งนี้เนื่องจากคอมพิวเตอร์สามารถค้นหาข้อมูลผ่านคลังข้อมูลขนาดใหญ่ ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่น ๆ เพื่อดึงข้อมูลได้อีกด้วย ทำให้มีข้อมูลที่มากมายและทันสมัยเป็นปัจจุบัน อำนวยความสะดวกในการนำข้อมูลไปพัฒนาต่อยอดได้อย่างรวดเร็ว

ในแง่ของทางการแพทย์แล้ว ประโยชน์ของ Machine learning รวมทั้ง Data Science นำมาใช้ในการวิเคราะห์รอยโรคที่พบ หรือโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยากภายในระยะเวลาอันสั้น
…………

แต่เมื่อมีด้านดี ปัญญาประดิษฐ์เองก็มีด้านเสียด้วยเช่นกัน แล้วอะไรที่เป็นศักยภาพด้านมืดของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 นี้กันเล่า

สิ่งนี้อาจเปลี่ยนแปลงโลกของการทำงานอย่างที่เราคุ้นเคยไปในทุกมิติ

แน่นอนว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมจะส่งผลต่อต้นทุนการทำงาน แต่ในแง่ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก้าวหน้ามากที่สุด ยกตัวอย่างการขนส่งด้วยรถบรรทุก หากเรามีรถบรรทุกไร้คนขับ ตลาดแรงงานก็ไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานขับรถ อย่างในสหรัฐฯ เองมีตำแหน่งพนักงานขับรถบรรทุกราว 3.5 ล้านตำแหน่ง หากมีการทดแทนตำแหน่งงานในส่วนนี้ด้วยรถบรรทุกไร้คนขับ จะมีคนตกงาน 3.5 ล้านคน ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะเป็นเสาหลักของครอบครัวที่ต้องพึ่งพารายได้จากเขาเลี้ยงปากท้อง ส่งผลกระทบจริงต่อผู้คนมากกว่า 3.5 ล้านคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กุญแจสำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในครั้งนี้ก็คือการเพิ่มผลผลิต ทำให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนไปข้างหน้า เกิดการสร้างตำแหน่งงานใหม่ ๆ เมื่อตำแหน่งงานเดิมหายไป ระบบเศรษฐกิจก็จำเป็นต้องสร้างตำแหน่งงานขึ้นมาทดแทน แต่ทั้งนี้อาจจำเป็นต้องมีการเสริมทักษะบางอย่างให้กับผู้ที่หลุดจากตำแหน่งงานเดิมเพื่อให้สามารถเข้าสู่ตำแหน่งงานใหม่ แต่แน่นอนว่าเราก็คงไม่สามารถจัดหางานให้คนทั้ง 3.5 ล้านคนได้

หากการปฏิวัติอุตสาหกรรมหนึ่งทำให้คนตกงาน 3.5 ล้านคน แล้วเราจะสร้างงานในภาคอุตสาหกรรมอื่นเพื่อรองรับคน 3.5 ล้านคนได้อย่างไร นี่คือเรื่องสำคัญ ?

เราได้เรียนรู้จากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งก่อนหน้า เราเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นและประวัติศาสตร์ก็จะเกิดขึ้นซ้ำร้อยอีกครั้ง …..

เศรษฐกิจในอนาคตรวมถึงแรงงานที่มีทักษะ มีศักยภาพหลายร้อยล้านคนที่ต้องตกงาน ไม่มีงานอะไรที่ใครก็ตามทำอยู่ในตอนนี้จะปลอดภัย ไม่ถูกปัญญาประดิษฐ์และจักรกล หุ่นยนต์ (Mechatronics) เข้ามาแทนที่ แม้กระทั่งสายงานศิลปะ นักเขียน งานหลายอย่างที่เราเคยคิดเคยเข้าใจว่า AI ไม่สามารถเข้ามาทดแทนได้ จะไม่เหลืออยู่ ตำแหน่งงานหลายล้านตำแหน่งกำลังจะหายไป และไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีตำแหน่งงานใหม่เพื่อมารองรับผู้ที่ตกงานได้ทั้งหมด

ยิ่งเวลาผ่านไป เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ อัลกอริธึมที่ชาญฉลาดจะยิ่งเข้ามาทดแทนการทำงานของมนุษย์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฟังดูแล้วเป็นสิ่งที่ไม่น่าหลีกเลี่ยงได้ ในที่สุดเทคโนโลยีจะสามารถทำงานที่มนุษย์ทำได้ในตอนนี้ ซึ่งจะเร่งให้ผู้คนตกงานมากขึ้น หลายคนอาจพบว่าตัวเองไม่สามารถปรับตัวได้เนื่องจากพวกเขาไม่มีความสามารถเหนือกว่าสิ่งที่จักรกลเหล่านั้นทำได้ จากนั้นเราก็เห็นความวิตกกังวลในสังคมและผลกระทบที่ตามมาต่อระบบเศรษฐกิจ

AI ที่เราพูดถึงมาข้างต้นบางส่วนก็ถูกนำมาใช้งานแล้วในตอนนี้ มีอัลกอริธึมที่สามารถทำให้จักรกลแปลความหมายภาษากายของเราบางอย่างได้ ทำให้ระบุได้ว่าเรากำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหนซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อนเลยทีเดียว อย่างเช่นหากเรานำไปใช้กับการโฆษณา หากอัลกอริธึมสามารถระบุได้จำเพาะเจาะจงว่าเรากำลังรู้สึกแบบไหนแล้วก็หาทางนำเสนอโฆษณาที่อิงกับอารมณ์ของเราจะเป็นอย่างไร นอกจากนั้นแล้วการแปลภาษาก็สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น คนต่างชาติต่างภาษาตอนนี้ก็สามารถทำงานอะไรก็ได้เนื่องจากเรามีเครื่องมือที่ช่วยแปลภาษาได้แบบเรียลไทม์ มันจะมีความซับซ้อนสำหรับตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

……….

ยกตัวอย่างประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกอย่างสหรัฐฯ ภายหลังจากการระบาดของโควิด 19 และต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เมื่อหน่วยธุรกิจเริ่มตั้งหลักได้ เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว บริษัทต่าง ๆ ก็พยายามหาหนทางที่จะนำเทคโนโลยีมาต่อยอดเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องพึ่งพาแรงงานจำนวนมาก

ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีมักจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างฉับพลันอยู่เสมอ ตอนปลายศตวรรษที่ 19 กว่า 50% ของแรงงานสหรัฐฯ เป็นการจ้างงานในภาคเกษตร แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 สัดส่วนแรงงานในภาคเกษตรลดลงมาเหลือเพียงแค่ 2% เนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่ได้ย้ายไปทำงานในภาคอุตสาหกรรมอื่น

สิ่งที่เปลี่ยนโฉมการเกษตรไปนั้นคือเทคโนโลยีทางด้านเครื่องจักรกลเกษตรที่มีความจำเพาะ แต่ในตอนนี้เรามีเทคโนโลยีที่แพร่หลายในทั่วทุกแขนง ปัญญาประดิษฐ์เป็นบางสิ่งที่ขยายตัวไปทั่วทั้งเศรษฐกิจของเรา มันไม่ใช่สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งแต่เกิดขึ้นในแทบจะทุกแห่งหนและผลของมันก็คือจะไม่มีอะไรปลอดภัยสำหรับแรงงานอีกต่อไป สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยีใหม่มีความแพร่หลายก็คือการพัฒนาโลกเสมือนใบใหม่ โลกของ Big Data

Big Data คือการรวบรวมและใช้ข้อมูลปริมาณมหาศาล ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่เก็บรวบรวมข้อมูลทุกประเภทที่หาได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับลูกค้าหรือว่าการบริหารธุรกิจ ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรมในโรงงาน ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่พนักงานกำลังทำ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนสำคัญที่จะกลายมาเป็นแหล่งข้อมูลดิบคอยป้อนให้กับอัลกอริธึมที่ชาญฉลาดเพื่อให้มันเรียนรู้และหาวิธีในการทำสิ่งต่าง ๆ

ข้อมูลทั้งหมดถูกเก็บไว้บนคอมพิวเตอร์ทั่วโลกที่ตอนนี้เชื่อว่ามีปริมาณข้อมูลมากกว่า 1,000 ล้านกิกะไบต์ และเป็น Big Data ที่ใช้ขับเคลื่อนให้เกิดการดิสรัปทางเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดนั่นก็คือความสามารถในการคิดได้เองของจักรกล จากที่เราเคยคิดว่าคอมพิวเตอร์นั้นทำได้เพียงสิ่งที่ถูกโปรแกรมไว้ แต่นี่ไม่ได้เป็นความจริงอีกต่อไปและเหตุผลที่ทำให้มันไม่เป็นอย่างนั้นก็คือ machine learning เนื่องจากตอนนี้เรามีเทคโนโลยีดังกล่าวที่ช่วยให้อัลกอริธึมที่ชาญฉลาดในซอฟท์แวร์ให้ค้นหาข้อมูลแล้วเรียนรู้หาทางทำสิ่งต่าง ๆ   ทำการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นเราอาจจะพูดได้ว่าหมดยุคของการที่มนุษย์จะนั่งลงแล้วสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างที่ต้องการทีละขั้นตอน ตอนนี้คอมพิวเตอร์มีความสามารถในการค้นหาวิธีการด้วยตัวมันเองแล้ว มันจึงไม่แปลกหากในอนาคตอุปกรณ์ต่าง ๆ  เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในทุกภาคอุตสาหกรรมสามารถสื่อสารและพูดคุยระหว่างกันได้ เกิดการเรียนรู้ที่นอกจากจะลึกซึ้งขึ้นแล้วยังมีการกระจายตัว กระจายองค์ความรู้ออกไปผ่าน Big Data แล้วจะส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างฉลาดขึ้นยิ่งกว่าเดิม

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่สุดที่ผ่านมาคือการได้เห็นหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่แรงงานคนนับล้านตามโรงงานและสายพานการผลิต แต่การดิสรัปครั้งใหม่นี้กำลังจะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนทำงานออฟฟิศด้วยเช่นกัน

How AI Is Already Reshaping White-Collar Work | WSJ


เมื่อคอมพิวเตอร์เรียนรู้ที่จะทำงานได้เองแล้วยังสามารถแบ่งปันความรู้ วิธีการไปสู่จักรกลตัวอื่นๆ ซึ่งในตอนนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มคนทำงาน นอกจากนั้นแล้วเรายังสามารถเพิ่มข้อมูลให้จักรกลเหล่านั้นสามารถทำงานที่เฉพาะทางหรือจำเพาะเจาะจงลงไปได้อีก จากนั้นเมื่อจักรกลตัวแรกทำงานได้มีประสิทธิภาพเราก็สามารถโคลนไปสู่จักรกลตัวอื่นๆ  ได้เรื่อย ๆ นั่นเท่ากับเป็นการสร้างกองทัพจักรกลเลยก็ว่าได้

มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดที่ทำการศึกษาในเรื่องนี้ โดยพวกเขาพบว่าเกือบครึ่งของตำแหน่งงานต่าง ๆ ซึ่งก็คือตำแหน่งงานกว่า 60 ล้านตำแหน่งในสหรัฐฯสามารถเปลี่ยนมาใช้ AI ทดแทนได้ภายใน 20 ปีข้างหน้านี้ ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว อย่าลืมว่าตัวเราเองก็แก่เฒ่าตามสังขารไปด้วยเช่นกันในอีก 20 ปี ซึ่งจะทราบได้ทันทีว่าจะต้องมีปัญหาทางสังคมตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นภาระหนักอึ้งที่รัฐบาลจะต้องหาทางรับมือกับผู้คนที่ไม่มีรายได้และอาจลุกลามส่งผลถึงเศรษฐกิจขาลง เพราะผู้บริโภคไม่มีอำนาจซื้อ ไม่อาจซื้อสินค้าหรือบริการ ทำให้เศรษฐกิจไม่เติบโต

การปฏิวัติในเสกลใหญ่ขนาดนี้ไม่เพียงเปลี่ยนโฉมหน้าของระบบเศรษฐกิจไปเท่านั้นแต่ยังมีส่วนร่วมอย่างมากต่อสังคมอีกด้วย

– หากคุณถูกใจบทความนี้ ช่วยกันกดไลค์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ –

อ่านต่อ ตอนที่ 2 (ตอนจบ)

- Advertisement -
Herothailand.com รับสั่งหนังสือต่างประเทศ สินค้าต่างประเทศ
พร้อมรับประกันการจัดส่งถึงบ้าน
ไม่ได้รับสินค้า ยินดีคืนเงินเต็ม 100%
Tel : 08-5464-1644
..........................................
สนับสนุนการทำบทความ กดไลค์ กดแชร์ หรือสามารถบริจาคเงินเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเราได้ที่
ธนาคารไทยพาณิชย์: สาขามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อบัญชี : HEROTHAILAND.COM
บัญชี : ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี : 667-265599-4

Similar Articles

Comments

รับสั่งหนังสือต่างประเทศ-สินค้าต่างประเทศ

Herothailand.com รับสั่งหนังสือต่างประเทศ สินค้าต่างประเทศ
พร้อมรับประกันการจัดส่งถึงบ้าน
ไม่ได้รับสินค้า ยินดีคืนเงินเต็ม 100%
Tel : 08-5464-1644

Advertisement

MEIYIJIA 40L พัดลมไอระเหยเคลื่อนที่ ปริมาณอากาศขนาดใหญ่ มี มอก.

Royal Kludge RK68

Royal Kludge RK68 RGB Hotswap USB HUB คีย์บอร์ดเกมมิ่งคีย์ไทย ไร้สายบลูทูธและมีสาย เปลี่ยนสวิตซ์ได้ เลเซอร์ไทย - English

Most Popular

Advertisement SHOPEE THAILAND

บ้านน้องแมว ทำจากไม้