มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2016 จะมีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือทั่วโลกกว่าสองพันล้านคน และภายในปี 2018 โทรศัพท์มือถือที่ใช้เกินกว่าครึ่งเป็นสมาร์ทโฟน
มีเรื่องเล่าของฝรั่งมาฝากครับ…..
ว่ากันว่าอีกไม่นานสมาร์ทโฟนจะกลายเป็นรีโมทคอนโทรลในชีวิตประจำวัน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ตื่นเต้นเวลาที่ได้ยินใครเขาพูดกันถึงสิ่งที่สมาร์ทโฟนจะทำได้ในอนาคต อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมเจอกับตัวเมื่อไม่กี่วันมานี้ทำให้ผมต้องกลับมาทบทวนถึงเรื่องที่เราจะเอาทุกอย่างไปฝากไว้กับสมาร์ทโฟน เราต่างก็เคยได้ยินเกี่ยวกับการใช้ app ต่าง ๆ บนสมาร์ทโฟนที่ทำให้เราสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ใช้มันเปิดปิดประดูบ้าน เปิดประตูโรงรถ เปิดปิดระบบรักษาความปลอดภัย เปิดไฟ ปิดไฟ ซึ่งทุกอย่างสมาร์ทโฟนในกระเป๋าเสื้อทำได้
เราสามารถใช้ app บนสมาร์ทโฟนเปิดปิดประตูรถ อุ่นเครื่องรถรอในตอนเช้าของฤดูหนาวในขณะที่เรานั่งจิบกาแฟร้อน ๆ รออยู่ในบ้าน เราใช้สมาร์ทโฟนเป็นที่เก็บรักษาข้อมูลประกันภัยรถยนต์ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจจะใช้แทนใบขับขี่ได้ด้วย นอกจากนี้เรายังมี app ที่ช่วยจดจำข้อมูลบัตรเครดิตและใช้ชำระเงินเพียงแค่ใช้สมาร์ทโฟนแตะกับเครื่องอ่านรหัสตรงเคาท์เตอร์คิดเงิน
วันนี้ เรายังต้องพกกุญแจบ้าน กระเป๋าสตางค์และสมาร์ทโฟน แต่อีกไม่นานเราคงจะพกแต่สมาร์ทโฟนเท่านั้นกระมังครับ !!
แต่……เดี๋ยวนะ

สมาร์โฟนไม่ได้ทนทานได้ตลอด มีปัจจัยหลายอย่างทำให้สมาร์ทโฟนใช้งานไม่ได้ และเมื่อใดที่สมาร์ทโฟนไม่สามารถใช้งานได้แล้วนั้น app ขั้นเทพในนั้นก็หมดความหมาย จากสมาร์ทโฟนที่ทำได้แทบทุกอย่างกลายเป็นของไร้ค่าไปในพริบตา สมาร์ทโฟนถึงต้องมีการรับประกันตัวสินค้า การรับประกันหมายถึงการซ่อมหรือเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้แต่ไม่ได้แก้ปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นตามมาสักหน่อย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมทำ iPhone หลุดมือตกเบา ๆ แต่ปรากฏว่ามันเจ๊ง จบข่าว !
ผมไม่สามารถโทรหาใครหรือใช้ app อะไรได้ เหมือนกับถูกตัดขาดออกจากโลก ไม่สามารถส่งอีเมล์หรือข้อความใด ๆ สตาร์ทรถไม่ได้ เปิดประตูบ้านไม่ได้ ใช้บัตรเครดิตอะไรก็ไม่ได้
ผมไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายความรู้สึกในตอนนั้นได้ว่ายังไง คุณอาจจะไม่เข้าใจหากไม่เจอแบบเดียวกันนี้กับตัวเอง มันลำบากจริงๆ
แน่นอนว่า ไม่มีสมาร์ทโฟนเครื่องไหนที่ไม่พัง ถ้าคุณโชคดีคุณอาจจะไม่ต้องเจอแบบเดียวกับผม แต่ยังมีอีกหลายคนที่โชคไม่เข้าข้าง !!
ลองคิดดูว่า เราทำกุญแจตก เรายังใช้มันไขเข้าไปสตาร์ทรถหรือเปิดประตูบ้านได้ ถ้าเราทำกระเป๋าสตางค์ตก เรายังเก็บมันขึ้นมาแล้วใช้เงินหรือบัตรต่าง ๆ ที่อยู่ในกระเป๋าได้ตามปกติ ใช่หรือไม่
แต่ถ้าหากเราเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปรวมไว้ในที่เดียวคือสมาร์ทโฟน เกิดวันไหนโชคไม่ดี ข้อมูลสำคัญทุกอย่างที่เราเก็บไว้ รวมทั้งเรื่องจะเข้าบ้านจะเปิดประตู กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที
สิ่งที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนควรให้ความสำคัญควรจะเป็นเรื่อง ความทนทานต่อการตกกระแทก กันน้ำได้ สามารถติดตามสมาร์ทโฟนได้เมื่อเกิดการสูญหายหรือสั่งปิดเครื่งได้เวลาที่ถูกขโมยไป แต่ไม่ใช่ไปมัวทดสอบในเรื่องที่สมาร์ทโฟนของค่ายตนทนทานกันกระสุนได้ อะไรเทือกนั้น ! ทำไปเพื่ออะไร ?
app และสมาร์ทโฟนนั้นคืออนาคต เราสามารถใช้มันเป็นเหมือนรีโมทคอนโทรลในชีวิตประจำวันได้ อย่างไรก็ดี ถ้าเราเอาทุกอย่างโดยเฉพาะข้อมูลสำคัญไปฝากไว้กับสมาร์ทโฟนก็เหมือนกับเอาตัวเองไปอยู่ในความเสี่ยงตลอดเวลา เราต้องกระจายความเสี่ยงบ้างเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่นต่อไปไม่เช่นนั้นแล้ว งานเข้าแน่ !!!!