หลายคนคงคุ้นเคยกับขั้นตอนการขายหนังสือผ่านทางร้านขายหนังสือตามท้องถนนหรือขายออนไลน์ แต่รู้หรือไม่ครับว่ายังมีช่องทางจัดจำหน่ายหนังสืออยู่อีกช่องทางหนึ่งและสามารถสร้างผลกำไรที่งดงามให้กับเราได้ นั่นคือการใช้ช่องทางการตลาดพิเศษซึ่งเป็นขั้นตอนของการขายหนังสือให้กับผู้อ่านโดยไม่ต้องผ่านร้านขายหนังสือ
การตลาดการขายแบบพิเศษแบ่งได้เป็นสองแบบหลัก ๆ คือ ขายปลีกและขายส่ง ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นการตลาดค้าปลีกแบบพิเศษก็ได้แก่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ร้านค้าตามสนามบิน ร้านขายของที่ระลึก ซูเปอร์มาเก็ต เป็นต้น ส่วนร้านที่ไม่ใช้ค้าปลีกก็ได้แก่กลุ่มองค์กร สมาคม โรงเรียนและหน่วยงานของรัฐ
ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไรก็ตาม การขายหนังสือให้กับกลุ่มลูกค้าโดยไม่ผ่านร้านหนังสือนั้นไม่ได้เป็นเพียงวิธีการที่แตกต่างไปในการทำธุรกิจ มันยังเป็นหนทางใหม่ในการทำธุรกิจ ซึ่งต้องการมุมมองต่อขั้นตอนการขายแบบใหม่ทั้งยังเป็นโมเดลธุรกิจใหม่สำหรับสำนักพิมพ์
ยกตัวอย่างเช่น ในตลาดขายหนังสือ สำนักพิมพ์จะเป็นผู้ผลิตหนังสือ ตั้งราคา และส่งผ่านสายส่งไปยังร้านหนังสือทั่วประเทศจากนั้นก็ทำการโปรโมท นี่คือลำดับขั้นตอนที่เกิดขึ้น ยอดขายจะถูกดึงผ่านเครือข่ายกระจายสินค้า และยอดขายของหนังสือจะเป็นตัวกำหนดจำนวนรวมทั้งคุณภาพของการโปรโมทงานของนักเขียนดังกล่าว
แต่สำหรับตลาดที่ไม่ใช่ค้าปลีก นักเขียนหรือสำนักพิมพ์จะดำเนินไปในทิศทางที่ต่างกัน เริ่มจากการโปรโมทเพื่อให้เป็นที่รู้จักหรือเพื่อให้เกิดความต้องการเนื้อหาที่ได้ทำการโปรโมท นักเขียนหรือสำนักพิมพ์ค้นหาและทำยอดขายกับหน่วยงานหรือองค์การที่คาดว่าจะเป็นผู้ซื้อ พูดคุยกันถึงเรื่องเนื้อหาของหนังสือ วางแผนถึงรูปแบบในการทำหนังสือ เช่น จะเป็นหนังสือ แผ่นพับ หรือ ebook รวมทั้งคาดการณ์ว่าจะทำยอดขายได้จำนวนกี่เล่ม จากนั้นก็เหลือเพียงต่อรองราคาและการจัดส่งจำนวนหนังสือที่ขายได้ รวมทั้งการทำงานร่วมกับผู้ซื้อกลุ่มองค์กรในแต่ละครั้งเพื่อหาแนวทางในการใช้เนื้อหาของหนังสือเพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่ของหน่วยงานดังกล่าว
และไม่ได้หมายความว่าเราต้องแยกทำเฉพาะการตลาดพิเศษเพียงอย่างเดียวแต่สามารถทำควบคู่กันไปกับการทำการตลาดในร้านหนังสือ ยกตัวอย่างเช่น คุณมีหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับการดูแลสุนัข คุณอาจขายผ่านร้านหนังสือหรือร้านสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถติดต่อกับผู้ผลิตอาหารสัตว์และให้คูปองพวกเขาฟรีเพื่อให้ลูกค้าใช้แลกรับหนังสือเมื่อซื้ออาหารสุนัขถุงละ 50 กิโลกรัม แลกกับการที่บริษัทอาจซื้อหนังสือจากคุณจำนวนมากโดยไม่สามารถคืนได้ในภายหลัง
ในตัวอย่างที่ยกมาข้างบนนั้น การโปรโมทที่คุณทำก็คือการสื่อสารข้อความของคุณไปยังผู้ซื้อกลุ่มบริษัทและส่งผ่านไปถึงผู้อ่าน นอกจากนี้ยังล่อใจให้พวกเขาไปที่ร้านหนังสือได้อีกด้วย
