มีผลการศึกษาจำนวนหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าการที่มีเสียงเพลงคลอเบาๆ นั้นช่วยให้เรามีสมาธิดีขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเสียงเพลงช่วยทำให้จิตใต้สำนึกของเราไม่ถูกดึงความสนใจไปกับเสียงรบกวนรอบข้าง อย่างเช่น เสียงคนคุยกัน เสียงไอ เสียงกระดิ่ง เปิดปิดประตู อะไรแบบนั้น
เพลงช่วยให้เรามีสมาธิในการทำงานได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกเพลง หากเป็นเพลงที่ทำให้เราซึ้งเคลิบเคลิ้มร้องคลอตามหรือเพลงมันส์ โยน ๆ ที่เราฟังแล้วเคาะไม้เคาะมือเคาะเท้าเข้าจังหวะไปด้วยแบบนี้ก็คงไม่ได้การได้งานเป็นแน่
ในทางกลับกัน หากเป็นสภาพแวดล้อมที่เงียบสงัดล่ะ ดูเหมือนว่าจะทำให้พนักงานทำงานได้ช้าและมีประสิทธิผลน้อยกว่าพนักงานที่ฟังเพลงเบา ๆ คลอไปด้วย แม้แต่ศัลยแพทย์บางคนก็ใช้เพลงเพื่อช่วยให้ทำงานได้ดี นอกจากนี้ผลการศึกษายังชี้ให้เห็นว่าคนที่ฟังเพลงจะทำงานได้มีประสิทธิภาพและมีความผิดพลาดน้อยกว่า
อันดับแรกเลย ต้องเป็นเพลงที่ไม่มีเนื้อร้อง
หลังจากมนุษย์เรามีวิวัฒนาการมาหลายปีอย่างไม่หยุดหย่อน สมองของเราถูกออกแบบมาให้สัมผัสกับความเป็นมนุษย์ในทุกรูปแบบ ดวงตาก็เอาไว้ดูหน้า หูก็เอาไว้ฟังเสียงพูด นี่คือเหตุผลว่าเวลาที่ได้ยินใครพูดอะไรมักทำให้เราหันไปสนใจจนลืมสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไปชั่วขณะ แต่ถ้าเป็นพวกร้านกาแฟเราอาจจะไม่ค่อยรู้สึกแบบนี้เท่าใดนัก เนื่องจากเสียงสารพัดเสียงรอบตัวปนกันไปหมดจนฟังไม่รู้เรื่องหรือฟังได้ไม่ชัดเจน หากเป็นในออฟฟิศ เราจะได้ยินเสียงคนที่อยู่ใกล้ๆ แว่บเข้ามาในหัวบ่อยครั้ง ทำให้เราคิดเตลิดไปไหนต่อไหนจนลืมงานที่อยู่ตรงหน้า
จากผลการศึกษาพบว่า เสียงที่ลอยตามลมมานั้นช่วยให้ทำงานได้ปริมาณงานน้อยสุด ในขณะที่เสียงที่มีความต่อเนื่องกันไปตลอดเป็นจะช่วยให้ทำงานได้ปริมาณงานมากขึ้น
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/16950722
ประการต่อมา
เพลงส่วนมากที่คุณได้ยินได้ฟังนั้นจะมีระดับเสียงที่แตกต่างกัน เพลงที่เปิดดังมาก ๆ ก็จะดูตื่นเต้น เพลงที่เปิดเบาๆ ก็จะสบาย ๆ และเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ นี่เองจะทำให้เราทำงานได้ดีขึ้นทำให้เรามีสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ดี
มีการศึกษาอันหนึ่งที่พบว่าเสียงดังทำให้รบกวนความสามารถในการประมวลผลข้อมูล ในขณะที่เสียงเบา ๆ หรือปานกลางนั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลและความคิดสร้างสรรค์
https://www.jstor.org/stable/10.1086/665048
อย่างที่สาม มีจังหวะที่เหมาะสม
ไม่ใช่ว่าเพลงคลาสสิคทุกเพลงจะมีจังหวะเนิบนาบเชื่องช้าเหมือนกันหมด แต่เนื่องจากเพลงกลุ่มนี้ต้องการสื่อสารอารมณ์ร่วมให้รู้สึกผ่อนคลาย ดังนั้นเพลงคลาสสิคส่วนมากจึงจะมีจังหวะช้า ๆ หวาน ๆ แต่! เราจะฟังเพลงเพื่อทำงาน ไม่ได้ฟังแล้วนอนหลับ ดังนั้นเราต้องหาเพลงที่มันมีจังหวะที่กระตุ้นความคิดสักเล็กน้อย
เหมือนกับเหตุผลที่ว่า ทำไมเพลงแร็ปและฮิปพ็อพถึงเหมาะกับการเป็นเพลงฟังระหว่างออกกำลังกาย เพราะด้วยจังหวะที่เร้าใจ มันส์ ๆ ทำให้เรามีแรงกระตุ้นในการออกกำลังกาย การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่านักกีฬาทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ฟังเพลงที่มีจังหวะสนุก ๆ นอกจากนี้คนที่ทำงานที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก งานที่ทำซ้ำ ๆ หากได้ฟังเพลงจังหวะมันส์ ๆ หรือมีจังหวะเร็ว ๆ ขึ้นมาหน่อย ก็จะช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นแต่ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้ความคิด อย่างเช่น การอ่าน การเขียน ก็ต้องเลือกเพลงที่ช้า ๆ ไม่มีเนื้อร้องถึงจะได้ผลดี
Thank you so much for photo from :
abednego setio gusti