อีกไม่นานโฆษณารถยนต์คงจะไม่ใช่เรื่องของความเร็ว แรง แต่น่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยสูงสุด
ทุกวันนี้รถยนต์ราคาถูกลงมาก บวกกับพื้นที่ถนนที่มีจำกัด อารมณ์ ความเร่งรีบ ความประมาท การแย่งชิงพื้นที่ผิวการจราจร ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เรา เสียอารมณ์ เสียทรัพย์สิน เสียเวลา…. หรือแม้แต่เสียชีวิต
ทำให้ค่ายรถยนต์หลายค่าย เริ่มหันมาวิจัยการขับขี่ปลอดภัยแบบอัตโนมัติ
จากสถิติของหน่วยงานบริหารความปลอดภัยการจราจรทางด่วนของสหรัฐฯ ระบุว่า สาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนท้องถนนมาจากตัวผู้ขับขี่เองคิดเป็น 94%
Google จึงดำเนินโครงการพาหนะขับเคลื่อนอัติโนมัติ โดยมีวัตุประสงค์เพื่อลดอุบัติเหตุดังกล่าว
Google มีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมากกว่า 20 คันที่วิ่งตามท้องถนน โดยมีระยะทางที่วิ่งไปแล้วรวมกันกว่าสามล้านกิโลเมตรในรอบ 6 ปีตั้งแต่เริ่มโครงการ
Google มีทั้งรถยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติและที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติร่วมกับคนบังคับในบางช่วง Google ระบุว่าทำระยะทางไปได้กว่า 16,000 กิโลเมตรต่อสัปดาห์หรือใกล้เคียงกับระยะทางที่คนอเมริกันขับรถเฉลี่ยทั้งปี
จากที่นำรถวิ่งเก็บข้อมูลซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการวิ่งในเมืองและมีการเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยจำนวน 11 ครั้ง และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่จุดสำคัญอยู่ที่ทำอย่างไรจึงจะไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอีก
ถึงแม้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากความประมาทเลินเล่อของผู้อื่น แต่อย่างที่ทราบกันดีถนนหนทางในเมืองนั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดการเฉี่ยวชนได้มากกว่าถนนซูเปอร์ไฮเวย์ และสาเหตุมีตั้งแต่การใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถไปจนถึงเป่าทรัมเปต !
Google พยายามเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้น และหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้สามารถวิเคราะห์รูปแบบการขับรถที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Google จะยังไม่ออกตัวทันทีที่ไฟเขียวเพื่อลดโอกาสชนกับรถยนต์ที่เร่งเครื่องฝ่าไฟแดงมา โดยอาศัยกล้อง 360 องศาเป็นตัวป้อนข้อมูลดิบ