ร้านหนังสือออนไลน์-Herothailand.com
ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงของคืนวันพุธ หนังสือชีวประวัติของ Steve Jobs ที่กำลังจะวางแผงของผู้แต่ง Walter Isaacson ก็พุ่งขึ้นเป็นหนังสือขายดีที่สุดบน Amazon.com จากอันดับที่ 384 มาเป็น อันดับ 1 ในเช้าของวันพฤหัสบดี ผู้ซื้อรายหนึ่งที่ร้าน Powell’s Books ในเมือง Portland รัฐ Oregon ได้สั่งหนังสือเล่มดังกล่าวถึง 5oo เล่ม ส่วนทางด้านสำนักพิมพ์ Simon & Schuster กล่าวว่า ได้เร่งระยะเวลาการวางแผงให้ใกล้เข้ามา จากวันที่ 21 พฤศจิกายน เป็น วันที่ 24 ตุลาคมและพอถึงตอนบ่าย อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ก็ต้องตกตะลึงกับความแรงของหนังสือเล่มนี้ เพียงแค่ขึ้นหัวเรื่องว่า “Steve Jobs” หลายสัปดาห์ก่อนออกวางจำหน่าย
Patricia Bostelman รองประธานฝ่ายการตลาดของ Barnes & Noble กล่าวว่า “เราคิดว่านี่เป็นหนังสือกลุ่มผู้ใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในหมวดนวนิยายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปี”
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนี้ กล่าวว่า “มันง่ายมากที่จะขายหนังสือเล่มนี้หลายล้านเล่มในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเล่ม หนังสือเสียง และ e-book อย่างเมื่อปีที่แล้ว หนังสือไดอารีของ George W. Bush ชื่อ “Decision Point” ขายได้มากกว่าสามล้านเล่ม ถือได้ว่าเป็นจำนวนที่มหาศาลสำหรับธุรกิจสิ่งพิมพ์
ความจูงใจของหนังสือส่วนใหญ่มาจาก การให้สัญญาว่าจะเป็นการเล่าถึงชีวิตส่วนตัวของ สตีฟ จ็อบส์ เนื่องจากภาพลักษณ์ของ Jobs ที่จะออกสู่สายตาของสาธารณะชนถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด แต่ในการพบกับผู้ซื้อหนังสือ Isaacson ได้สัญญาว่าหนังสือเล่มนี้จะพูดถึงแง่มุมส่วนตัวในชีวิต Steve Jobs รวมถึงเรื่องราวในวัยเด็กและตอนย่างเข้าวัยรุ่นที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน ไม่ได้มีแต่เรื่องราวทางธุรกิจของเขาเท่านั้น
Isaacson ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้นั้นยังเคยเขียนหนังสือชีวประวัติของ Benjamin Franklin และ Henry Kissinger มาก่อนหน้านี้ด้วย
ทางด้าน Elaine Petrocelli เจ้าของร้านหนังสือ Book Passage กล่าวว่า “ฉันคิดว่า เหตุผผลที่คิดว่าหนังสือเล่มนี้กำลังจะมีความสำคัญอย่างมากนั้นก็คือว่า มันไม่ได้เป็นหนังสือที่เขียนรวดเดียวจบ แต่เป็นหนังสือที่ Isaacson ได้ทำงานอย่างต่อเนื่องและใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีของเขาเพื่อให้ได้เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ นอกจากนี้แล้วมันยังเหมาะกับกลุ่่มผู้อ่านในวงกว้าง ไม่เพียงแต่เฉพาะกับผู้ที่สนใจชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีเท่านั้น ”
“ลูก ๆ ของฉันที่กำลังเริ่มต้นทำงานต่างก็ชื่นชอบในตัว Steve และพวกเขาต้องการที่จะอ่านมันรวมทั้งตัวฉันเองด้วย ฉันเห็นว่ามันเป็นของขวัญวันคริสมาสต์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ฉันคิดว่าทุกคนต่างก็ต้องการที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้”
ถึงแม้ว่ามีการต่อต้านแนวความคิดของ Apple อยู่บ้างในเมือง Portland แต่ Gerry Donaghy ผู้ซื้อหนังสือที่ร้าน Powell’s กล่าวว่า เขาคาดว่าหนังสือเล่มดังกล่าวจะขายได้หลายร้อยเล่ม แม้จะมีการลดราคาหนังสือปกแข็งจากราคาปกที่ตั้งไว้ 35 เหรียญฯ เพียงเล็กน้อย”
เขาเขียนในอีเมล์ว่า ” มีคำกล่าวปฏิเสธมากมายเกี่ยวกับ “แนวความคิดของ Apple” และอะไรทำนองนี้ แต่เมื่อสื่อยักษ์ใหญ่ประโคมข่าวว่า Steve ได้เปลี่ยนความสัมพันธ์ของผู้บริโภคกับคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี เพลงและภาพยนตร์ได้อย่างไร ผมคิดว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่สนใจในเรื่องนี้”
ความสนใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในหัวเมืองใหญ่ ๆ เท่านั้น โดย Jessilynn Norcross เจ้าของร้านขายหนังสือ McLean & Eakin ในเมือง Petoskey รัฐ Michigan กล่าวว่า ทางร้านเพิ่งพิมพ์โปสเตอร์ขนาดเล็กเพื่อไว้แขวนให้กับผู้ลงทะเบียน ซึ่งเป็นการเผยแพร่หนังสือให้กับสาธารณะชนอีกทางหนึ่ง บนโปสเตอร์มีข้อความว่า “iSad :(.”
เธอกล่าวว่า “หากใครต้องการสั่งซื้อหนังสือ นี่เป็นแนวทางของเราในการบอกกับพวกเขาเกี่ยวกับหนังสืออย่างไม่น่าเกลียด คุณรู้ได้เลยว่าลูกค้ากำลังต้องการอะไร”
Isaacson เคยทำงานร่วมกับ Steve ซึ่งได้อนุญาตให้เขาสัมภาษณ์กว่า 40 ครั้ง ในช่วงสองปีมานี้ระหว่างที่ Steve ต้องต่อสู้กับมะเร็งตับอ่อน
Isaacson เป็นซีอีโอของ Aspen Institute และยังคงเป็นผู้สัมภาษณ์สมาชิกในครอบครัวของ Steve และเพื่อนร่วมงานของเขา
เมื่อเดือนเมษายน สำนักพิมพ์ Simon & Schuster ได้ประกาศว่าจะพิมพ์หนังสือโดยใช้ชื่อหนังสือว่า “iSteve: The Book of Jobs” และวางแผนออกวางจำหน่ายในปี 2012 ต่อมาทางสำนักพิมพ์ได้ย่นเวลาการวางจำหน่ายให้เร็วขึ้นเป็นเดือนพฤศจิกายน ปีนี้และเปลี่ยนชื่อหนังสือเป็น “Steve Jobs”
ทางด้านสำนักพิมพ์ กล่าวว่า ” Steve ไม่ได้ถามถึงเนื้อหาในเล่มเพื่อที่จะดูว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสม เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “บางครั้งก็ดูจะโหดร้ายไปหน่อยกับคนที่เขาทำงานด้วยและต่อต้านการแข่งขัน”
อ้างอิงจาก www.nytimes.com