รายงานชิ้นนี้ อ้างอิงจากงานเขียนของ Andrew Brenneman ผู้ก่อตั้ง Finitive.com
Brenneman ตั้งหัวข้อไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการใช้ระบบ Cloud จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในการทำสิ่งพิมพ์ออนไลน์
Cloud computing หมายถึง การเสนอแอพพลิเคชัน การจัดเก็บข้อมูลและแหล่งการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่าย หมายความว่าแอพพลิเคชันและข้อมูลนั้นอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ที่ไหนสักแห่ง ไม่ใด้อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของเรา ซึ่งเป็นเหมือนขั้วตรงข้ามกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เราคุ้นเคยกันดี โดยทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกติดตั้งอยู่แล้วบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ แอพพลิเคชันต่าง ๆ รวมถึงข้อมูล
Cloud computing จะทำให้ชุดข้อมูลและแอพพลิเคชันต่าง ๆ ถูกติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์เมนเฟรมในศูนย์ข้อมูลบางแห่งที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งจะมีคนไอทีคอยดูแลจัดการ ส่วนผู้ใช้งานก็อาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีเพียงหน้าจอและคีร์บอร์ดแต่ไม่ต้องมีหน่วยประมวลผลในการเข้าถึงข้อมูล
ผลกระทบของCloud ที่มีต่อวงการสิ่งพิมพ์
Cloud computing ส่งผลต่อเราในสองทางหลัก ๆ ด้วยกันคือ เราจะสร้างการนำเสนอและส่งผ่านเนื้อหาดิจิตอลได้อย่างไร
ในยุคก่อนหน้าที่จะมี Cloud นั้น เมื่อสำนักพิมพ์ ต้องการที่จะรุกธุรกิจด้านการสร้างสื่อดิจิตอล พวกเขาจะต้องลงทุน อันดับแรกเลยก็คือ ต้องซื้อระบบการจัดการเนื้อหาดิจิตอล Digital Asset Management ( DAM ) system เพื่อเก็บรักษาและจัดการกับเนื้อหาดิจิตอล ซึ่งโปรแกรมแบบนี้มีราคาค่อนข้างแพง ต่อมาก็คือต้องซื้อ Workflow system เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการจัดพิมพ์และที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ ฮาร์ดดิสก์ความจุสูงสำหรับเก็บเนื้อหาดิจิตอลทั้งหมด ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ล้วนแต่เป็นภาระต้นทุนเริ่มต้นที่หนักเอาการ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Hardware , Software และการจัดการระบบรวมถึงการบำรุงรักษา
แต่สิ่งเหล่านี้กำลังเปลี่ยนไป การใช้งาน DAM และ Workflow system ได้เปลี่ยนไปอยู่ในรูปของการให้บริการผ่านระบบ Cloud ที่ติดตั้งลงในเซิร์ฟเวอร์ โดยการให้บริการจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบเน็ตเวิร์คถูกทำให้ง่ายขึ้น แม้ว่าจะมีความต้องการปรับปรุงระบบให้เหมาะสมกับหน่วยงานของแต่ละแห่ง แต่ในช่วงแรกนี้ก็ยังเป็นระบบที่ใช้แบบทั่ว ๆ ไปก่อนยังไม่เฉพาะเจาะจงมากนัก โดยที่เราไม่จำเป็นต้องซื้อ Hardware หรือ Software อีกแล้ว นอกจากนี้ยังมีค่าดูแลรักษาระบบที่ค่อนข้างถูกอีกด้วย
อย่างที่เคยพูดไปแล้วว่า ถ้าหากเราสามารถบริหารข้อมูลความสัมพันธ์กับลูกค้า CRM ( Customer Relationship Management ) โดยผ่านระบบ Cloud และรู้สึกว่าสะดวกสบายกับการทำธุรกรรมออนไลน์ ทำไมเราถึงไม่สามารถทำสิ่งเดียวกันนี้กับเนื้อหาดิจิตอลล่ะ ???
การจัดส่งเนื้อหาดิจิตอลในระบบ Cloud
การจัดส่งผ่านระบบดิจิตอลนั้นจัดว่าเป็นการทำงานที่อาศัยระบบ Cloud
โดยความเป็นจริงนั้น มีอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น Kindle storeของ Amazon.com เป็นการให้บริการผ่านระบบ Cloud ที่บริหารจัดการเนื้อหาซึ่งก็คือ e-books รับผิดชอบการซื้อขายและดูแลบริการอื่นที่จำเป็นเพื่อทำให้เกิดการซื้อขาย e-books ซึ่งช่วยให้สำนักพิมพ์ประหยัดงบประมาณเพื่อที่จะทำให้เว็บไซต์ของตนเองมีความสามารถทัดเทียมกันได้แบบนี้
การเกิดขึ้นของ Kindle store นั้นไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการดาวน์โหลดe-book เพียงเท่านั้นแต่เป็นความสามารถทั้งหมดของระบบนิเวศ e-book ในการจัดการ การจัดส่งหนังสือโดยอาศัยการซื้อหนังสือ e-bookเพียงครั้งเดียวแล้วสามารถใช้ผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลายของผู้บริโภคได้
นอกจากนี้การจัดส่งหนังสือโดยผ่านบริการการบอกรับสมาชิก กำลังจะกลายเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อใช้งานผ่านระบบ Cloud ซึ่งทางสำนักพิมพ์จะสามารถให้บริการสมัครสมาชิกได้อย่างรวดเร็ว โดยมีความเสี่ยงทางด้านการเงินต่ำ ปัจจัยอื่นที่ช่วยสนับสนุนให้หันมาใช้ระบบ Cloud ก็คือความรวดเร็วของการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีนั้น ๆ บ่อยครั้งที่วัฏจักรของเทคโนโลยีสั้นกว่าระยะเวลาการคืนทุนให้กับการลงทุน หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ความต้องการซอฟท์แวร์ขนาดใหญ่จะถูกแทนที่โดยทางเลือกอื่นอีกมากมายที่มีต้นทุนต่ำกว่า นั่นก็คือให้ผู้บริการระบบ Cloud รับความเสี่ยงทางด้านการเงินไป แต่สำหรับสำนักพิมพ์ที่ใช้ความสามารถของระบบ Cloud นั้นก็เพียงจ่ายเงินเมื่อใช้เท่านั้น
ด้วยเหตุผลทางด้านต้นทุนและเศรษฐกิจดังที่กล่าวมาแล้วนั้น จะเป็นตัวกำหนดกลยุทธ์ของระบบ Cloud ให้สำนักพิมพ์ต่าง ๆ หันมาใช้งานกัน ซึ่งอาจเป็นตัวชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างกำไรและขาดทุนสำหรับการทำเนื้อหาดิจิตอลก็เป็นได้