ร้านหนังสือออนไลน์-Herothailand.com
มีรายงานข่าวจากหลายแหล่งว่า Barnes & Noble อาจพิจารณาขายสินค้าที่เป็นความหวังของพวกเขา นั่นก็คือ เครื่องอ่าน e-book ที่ชื่อ Nook โดยตามรายงานจาก New York Time ได้ให้เหตุผลว่า
“Barnes & Noble ยอมรับว่า Nook ไม่ได้ทำกำไรให้บริษัทมานานแล้ว เหล่านักทุนต่างก็กังวลเกี่ยวกับต้นทุนในอนาคตที่จะต้องจ่ายไปในเรื่องที่เกี่ยวกับความต้องการในการพัฒนาซอฟท์แวร์ใหม่รวมทั้งปรับปรุงฮาร์ดแวร์และการโฆษณาผลิตภัณฑ์ นักวิเคราะห์รายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า Barnes & Noble ได้ใช้เงินไปราว ๆ 200 -250 ล้านเหรียญฯ ในแต่ละปีสำหรับขับเคลื่อนธุรกิจในส่วนเครื่องอ่าน e-book ของตน”
แล้วเป็นไปได้ไหมที่ Google จะเป็นคนเข้ามาซื้อ Nook !!!
1. Google เป็นผู้ควบคุมตลาดแท็บเล็ตและอุปกรณ์ของเครื่องอ่าน e-book : ตราบเท่าที่ความนิยมอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android มีมากเท่าใด Google เองก็ต้องต่อสู้ในส่วนซอฟท์แวร์ของผลิตภัณฑ์มากขึ้นเท่านั้น เหตุผลบางอย่างก็โดยตัวของซอฟท์แวร์เอง แต่ดูเหมือนว่าการจับคู่กับฮาร์ดแวร์ที่ลงตัวได้อย่างเหมาะสมนั้นมีความยากไม่น้อยไปกว่ากัน
Nook เป็นอุปกรณ์ที่ดีชิ้นหนึ่งแต่ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง
ถ้าหาก Google ซึ่งเป็นคนสร้างระบบปฏิบัติการให้กับ Nook ต้องการก้าวเข้าสู่ในส่วนของฮาร์ดแวร์ ทำไมจึงไม่เลือกทำกับอุปกรณ์ที่ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ซึ่งสามารถเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุดได้ พูดได้ว่าระบบปฏิบัติการของ Nook หากไม่มีผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ให้แล้วคงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจไม่น้อยเหมือนกับในกรณีของ Google TV
2. Google จะกลายเป็นองค์กรที่มีหน่วยงานขนาดใหญ่บนโลกแห่งความเป็นจริงอย่างกระทันหัน : การที่เปลี่ยนจาก Nook มาเป็น Google-Nook นั้น เป็นจุดที่ทำให้ Google มีร้านขายปลีกเพิ่มขึ้นทันที 700 สาขา ตามรายงานของ barnesandnobleinc.com ใน 50 รัฐและ DC นี่ทำให้ Google มีร้านค้าของตัวเองมากกว่า Apple ถึง 2 เท่าทันทีโดยไม่ต้องวางอิฐสักก้อน
3. Barnes & Noble ยังมีส่วนออนไลน์ขนาดใหญ่อีกด้วย : เว็บไซต์ BN.com ใช่ว่าไม่ได้เรื่อง เมื่อดูจากลำดับที่อ้างอิงจาก Alexa BN.com ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกของเว็บไซต์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และมีส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของ e-book ถึง 30% ในช่วงสองปีมานี้ แต่การร่วมกับ Google ในครั้งนี้มีความหมายว่าเป็นการเดินเกมส์เพื่อที่จะสู้กับ Amazon ในระดับกลยุทธขั้นสูง กล่าวได้ว่า Nook-Android ก็เหมือนกันกับ Kindle ที่สามารถเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ได้ง่ายและโดยตรงซึ่งจะทำให้สัดส่วนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นแบบยกกำลัง หรืออาจเน้นไปที่การทำตลาดนอกสหรัฐฯ
4. Google เป็นศูนย์รวมสำหรับการพัฒนา : สำหรับบริษัทค้าปลีกอย่าง Barnes & Noble แล้ว การทุ่มเงินกว่า 200 – 250 ล้านเหรียญฯ ให้กับ Nook นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเจ็บปวดไม่น้อย ขณะเดียวกันเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา Google ได้ทุ่มเงินกว่า 100 ล้านเหรียญฯ ให้กับ YouTube channel โดยหวังว่าจะเพิ่มจำนวนผู้ชมได้ ในขณะที่ Google ไม่ได้เป็นผู้นำในธรุกิจนี้ไม่ว่าด้วยประการใดก็ตาม พวกเขาเห็นชัดเจนว่า ต้องใช้งบในการวิจัยและพัฒนาหลายพันล้านเหรียญฯ โดยในจำนวนนี้เป็นงบประมาณสำหรับการเฟ้นหาฮาร์ดแวร์ที่เข้ากันได้อย่างลงตัวกับซอฟท์แวร์ของพวกเขาคิดเป็นเงินเพียงเล็กน้อยจากสัดส่วนงบลงทุนเพิื่มนี้
5.Google ได้ปรับปรุงความเป็นมนุษย์ให้ดีขึ้น ค้นพบความสามารถอันหลากหลาย : Google ได้ใช้พลังงานที่สามารถเยียวยาความเคยชินในอดีตของคนตามมุมมองของตน ซึ่งเป็นประโยชน์แต่ยังไม่ชัดเจนนัก เราเป็นผู้สร้างพฤติกรรมแต่เรายังคงชอบที่จะค้นพบอะไรที่อยู่นอกเหนือหลักการ
Barnes & Noble เองเป็นร้านหนังสือที่ดีร้านหนึ่งในหลาย ๆ ร้าน ที่มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ Google สนใจในสิ่งนี้ การร่วมมือกับร้านหนังสือเล็ก ๆ และคนอื่น ๆ สำหรับเปิดเว็บไซต์ขาย e-book ของพวกเขาเองนั้นถือว่าเป็นจุดที่มีศักยภาพในการร่วมมือกันที่สามารถปรับเปลี่ยนประสบการณ์ของมนุษยชาติท่ามกลางพฤติกรรมบนโลกออนไลน์ของเรา
สำหรับบทความที่ไม่เห็นด้วยกับงานเขียนช้ินนี้สามารถหากอ่านได้จาก Business Insider ที่เขียนไว้ว่า “Google ไม่มีความคิดที่จะทำธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้เพียงแต่พวกเขาอาจยังไม่รู้ว่าวิธีการบริหารธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ระดับโลกก็เป็นได้”
