เมื่อเร็ว ๆ นี้ Amazon ประกาศว่ายอดขายช่วงวันหยุดยาวในปี 2012 นั้น ถือเป็นยอดขายที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยขายสินค้าทั่วโลกรวมกันคิดเป็นมูลค่ากว่า 27 ล้านเหรียญฯ และทำลายสถิติโลกด้วยอัตราเร็วในการขายสินค้า 306 ชิ้นต่อวินาที และเมื่อต้นสัปดาห์นี้เองที่หุ้นของ Amazon มีราคาสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ตามรายงานของ Morgan Stanley ได้คาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซของโลกจะมีมูลค่าตลาดขึ้นไปแตะหลัก “ล้านล้าน” เหรียญฯ ในปี 2016 โดยหนึ่งในสี่ของมูลค่าตลาดนี้จะตกเป็นของ Amazon ซึ่งบริษัทได้เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าอีกมากมาย อย่างเช่น การเพิ่มรายการภายยนตร์และรายการทีวีใหม่ๆ เข้าไปยัง Netflix บวกกับกลยุทธ์ราคาถูก ทำให้คู่แข่งต้องหันมาปรับกลยุทธ์กันจ้าละหวั่น
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Target ได้ประกาศนโยบายใหม่ของตน “การจับคู่กับราคาของคู่แข่งในรอบปี” โดยให้ผู้ซื้อค้นหาในร้านก่อนแล้วค่อยมาซื้อผ่านออนไลน์ซึ่ง Amazon ก็ใช้วิธีการแบบนี้เช่นกัน ดังนั้น Target ซึ่งราคาหุ้นตอนนี้เกือบมีราคาสูงเท่าราคาที่เป็นสถิติสูงสุดของบริษัท เป็นร้านค้าปลีกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสหรัฐฯ เป็นรองก็เพียง Wal-Mart แต่ถ้าหากว่าอัตราการเติบโตยังรักษาระดับนี้ไว้ ไม่ช้าก็เร็วคงจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งได้ไม่ยาก
Amazon ทำให้ทุกคนกลัว ด้วยเหตุผลหลายประการแต่ที่สำคัญที่สุดถูกสรุปไว้ในบทสัมภาษณ์ Jeff Bezos ซีอีโอของ Amazon ใน Harvard Business Review เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจัดอันดับให้ Jeff Bezos เป็นหนึ่งในยอดผู้บริหารระดับโลก โดย Bezos กล่าวว่า “เปอร์เซ็นต์ของกำไรไม่ใช่แค่หนึ่งในหลายปัจจัยที่เรากำลังพยายามปรับให้เหมาะสม” ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ได้สนใจที่จะทำเงินเพียงอย่างเดียว
Bezos มีความคิดในเรื่องดังกล่าวมานานหลายปี มาทำให้เข้าใจง่าย ๆ กันดีกว่า Free cash flow หรือกระแสเงินสดอิสระซึ่งก็คือเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมการดำเนินงาน (operating cash flow) ลบด้วยค่าใช้จ่ายในการลงทุน (Capital Expenditures) ที่ใช้ไปกับโกดังสินค้า สายพานลำเลียงสินค้า หุ่นยนต์ และศูนย์ข้อมูลสำหรับธุรกิจ cloud computing อย่างนี้เป็นต้น กระแสเงินสดอิสระนี้แสดงจำนวนของเงินสดส่วนเหลือที่บริษัทสร้างขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อนำมาคิดกระแสเงินสดอิสระต่อหุ้นที่แล้ว เราสามารถใช้เงินส่วนนี้ลงทุนเพ่ิมโดยการลดกำไรลง
Bezos กังวลเกี่ยวกับเรื่องของการขับเคลื่อนกระแสเงินสดมากกว่าการหาเงินเนื่องจากเขาเชื่อว่าโอกาสมาจากอินเตอร์เน็ตและอีคอมเมิร์ซเป็น สองสิ่งนี้รวมกันแล้วยังมีโอกาสอีกมาก แต่เราต้องพร้อมที่จะฉกฉวยโอกาส ดังนั้น เขาจึงได้เตรียมที่จะตัดราคาลงขณะเดียวกันก็เพิ่มทางเลือกใหม่ ๆ ในการที่จะสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขาย หลังจากนั้นเขาจะลงทุนรอบใหม่ในแบบที่เน้นราคาต่ำแต่อาศัยการเพิ่มหมวดหมู่สินค้า เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาพร้อมทั้งยังรักษาความจงรักภักดีในแบรนด์ของลูกค้าเก่าไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ถ้าหากคุณเป็นลูกค้า Amazon คนหนึ่งแล้ว มันเป็นวงจรที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่ถ้าหากคุณเป็นคู่แข่งของ Amazon มันเป็นงานหนักเอาการทีเดียวเช่นกัน สำหรับนักลงทุนแล้ว การที่ Bezos ใช้ยุทธศาสตร์นี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้พวกเขาพึงพอใจอย่างมาก พร้อมทั้งเชื่อมั่นในตัวเขาว่า นั่นก็คือนักลงทุนเต็มใจที่จะยอมเฉือนกำไรของตนออกเพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้อย่างต่อเนื่องและหวังว่าจะได้รับผลกำไรในระดับที่คาดไม่ถึงในสักวันหนึ่งข้างหน้านี้ สำหรับ Bezos แล้วการขายสินค้าราคาถูก ยอมให้ตัวเองมีกำไรน้อย ๆ นั้น กลับเป็นผลดีต่อการแข่งขัน
กลยุทธ์ที่ Amazon ใช้นี้เป็นที่ปรากฏอยู่ทั่วไปตามแหล่งข่าวต่าง ๆ บริษัทเพียงแต่ประกาศแผนในการสร้างศูนย์กระจายสินค้าขนาดซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ถึงหนึ่งล้านตารางฟุตใน New Jersey ซึ่งจะช่วยทำให้การจัดส่งสินค้าไปแคนาดาทำได้ภายในสองวัน นอกจากนี้ Amazon ยังได้ซื้อรายการโทรทัศน์จาก A&E Television Networks อีกด้วย อีกไม่นานเราอาจได้เห็น Amazon เปิดตัวธุรกิจขายอาหาร ผัก ผลไม้สด และจากการสร้างศูนย์กระจายสินค้าใหม่หลายแห่ง สามารถใช้เป็นแหล่งในการจัดการการจัดส่งสินค้าได้ง่ายขึ้นทำให้เก็บรักษาความสดของสินค้าเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี และถ้าหากเมื่อไหร่ที่ Amazon เป็นเจ้าของเครือข่ายรถส่งสินค้าที่คอยกระจายสินค้าไปในหลายเมืองอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว การจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าภายใน 24 ชั่วโมงหลังทำการสั่งซื้อก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
วิดิโอประกอบ ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา เพียงแต่อยากให้เห็นบุคลิกของ Jeff Bezos
reference : https://muegao.blogspot.com/p/value-investment.html
– กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow)
ตัวเลขหนึ่งทางบัญชีในส่วนของงบกระแสเงินสดที่นักลงทุนจะต้องเข้าใจดีคือ “กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow)” กระแสเงินสดอิสระนี้สามารถคำนวณได้จาก กระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมการดำเนินงาน (operating cash flow) ลบด้วย ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (Capital Expenditures) กระแสเงินสดอิสระนี้แสดงจำนวนของเงินสดส่วนเหลือที่บริษัทสร้างขึ้นมาได้ เงินสดส่วนนี้สามารถใช้เพิ่มความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้น หรือนำไปใช้ลงทุนในโอกาสใหม่ๆ ของธุรกิจโดยไม่มีผลร้ายกับการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เงินส่วนนี้สำคัญมากต่อผู้ถือหุ้นแบบสุดๆ ล่ะครับ
