ย้อนกลับไปในปี 2011 สำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกสามแห่ง คือ Hachette , Simon & Schuster และ Penguin ซึ่งต่อมาสำนักพิมพ์ Penguin ได้ควบรวมกับสำนักพิมพ์ Random House กลายเป็น Penguin Random House
สำนักพิมพ์เหล่านี้รวมตัวกันสร้างเว็บไซต์ขายปลีกหนังสือออนไลน์มาแข่งกับ Amazon โดยตั้งชื่อเว็บไซต์ว่า Bookish โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอหนังสือและนักเขียนให้กับผู้อ่าน เพื่อให้พวกเขามีความรู้และได้รับคำแนะนำในการเลือกหนังสือที่เป็นประโยชน์ยิ่งขึ้น แต่พูดง่าย ๆ ก็คือ จะทำมาคานอำนาจ Amazon นั่นแหละ เนื่องจากในเวลานั้นผู้คนให้ความนิยมกับการซื้อหนังสือออนไลน์กันมากขึ้นทุกที
…..

โดยตอนเปิดตัวเว็บไซต์ก็มีปัญหามากมายโดยเฉพาะปัญหาเรื่องการตั้งราคา ebook ระหว่างกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กับบริษัท Apple และสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่อีกห้าแห่งเรื่องรวมตัวกันตั้งราคา ebook ที่อาจเข้าข่ายการผูกขาด แต่ในที่สุดเว็บไซต์ Bookish ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 ซึ่งมีสำนักพิมพ์เข้าร่วมเพิ่มเติมอีก 16 แห่ง
ประเด็นที่อยู่ในใจของสำนักพิมพ์ที่ต้องมาร่วมมือกันทำเว็บไซต์ Bookish ก็เพราะว่า Amazon ตั้งราคาขายหนังสือของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นตัวเล่มหรือว่า ebook ในราคาที่ถูกมาก เป็นการลดมูลค่าสินค้าของสำนักพิมพ์
ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป Amazon ก็ครองตลาดได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็สามารถสร้างการต่อรองที่ทำให้สำนักพิมพ์เหล่านี้ออกจะเสียเปรียบ ดังนั้นมันจะดีกว่าด้วยการทำเว็บไซต์ขายหนังสือขึ้นมาแข่งเพื่อคานอำนาจของ Amazon ถึงแม้จะยังเอาชนะไม่ได้แต่เอามาชะลอระยะเวลาไม่ให้ขยายส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างสะดวกก็ยังดี
Bookish ทำอย่างไร……
พวกเขานำเสนอสิ่งที่เรียกว่า ระบบแนะนำหนังสือ ความใกล้ชิดกับนักเขียนรวมถึงเนื้อหาบรรณาธิการที่พิเศษและประสบการณ์ในการอ่านที่ยอดเยี่ยมในการซื้อ ebook เหล่านั้น
………………..
เมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึง 2 ปี ในตอนต้นปี 2014 Bookish ถูกประเมินว่า ล้มเหลว และขายออกไปให้กับ Start up ร้านขายปลีกหนังสือออนไลน์ที่ชื่อ Zola ซึ่งสนใจในระบบแนะนำการอ่านของ Bookish จึงขอซื้อกิจการไป
คำถามคือ ทำไม Bookish ถึงล้มเหลว ?
เพราะผู้บริโภคให้ความสำคัญกับราคาและความสะดวกสบายมากกว่าสิ่งอื่นใด
ส่วนระบบแนะนำหนังสือ บทบรรณาธิการที่ช่วยให้ผู้อ่านกับนักเขียนได้เข้าใกล้กันมากขึ้นนั้น มันไม่ได้ดึงดูดใจอะไรเลย
ราคาถูกต่างหากที่สำคัญที่สุด
นั่นก็หมายความว่าสิ่งที่ Bookish พยายามนำเสนอในส่วนที่เป็นจุดแข็งของตนเองนั้นมันไม่เวิร์ค สู้ราคาถูกของ Amazon ไม่ได้ ในทางกลับกันจุดแข็งของ Amazon ที่เน้นให้ลูกค้ามีความสุขนั้นยังโดดเด่นเป็นสง่าเหมือนเดิม แถมยังเป็นการปิดทาง start up อื่น ๆ ที่คิดจะขายหนังสือออนไลน์แข่งไปโดยปริยาย
คือการหาซื้อหนังสือของสำนักพิมพ์เหล่านี้อ่านนั้น หาที่ไหนก็ได้ ร้านทั่วไปก็มี ซึ่งโดยปกติก็ทำกันแบบนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่การที่จะมีบทบรรณาธิการที่พิเศษเพิ่มเข้ามาแล้วให้มาที่เว็บไซต์ของตัวเองนั้น มันไม่เวิร์ค พอไม่เวิร์คก็แย่งส่วนแบ่งการตลาดจาก Amazon ไม่ได้ ซึ่งในตอนนั้น Amazon ครองส่วนแบ่งการตลาด ebook ใน UK เกือบทั้งหมดและครองส่วนแบ่งการตลาดยอดขายหนังสือในสหรัฐฯ ไปแล้วเกือบ 50%