บทความชิ้นนี้ อ้างอิงจาก งานเขียนของ Ben Benjarin
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและวิเคราะห์เทคโนโลยีผู้บริโภค ที่ Creative Strategies. Inc.
ร้านหนังสือออนไลน์-Herothailand.com
มีการถกเถียงกันว่าเกิดอะไรขึ้นในอุตสาหกรรมนี้เกี่ยวกับว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปยังอนาคตที่การประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมดเกิดขึ้นผ่านเบราเซอร์หรือว่าการประมวลผลดังกล่าวควรเกิดขึ้นด้วยโปรแกรมที่เราได้ติดตั้งลงไป
วันนี้เราได้ดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟท์แวร์หรือ app ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของเรา สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และเชื่อมต่อกับทีวี ในอนาคตสิ่งเหล่านี้อาจจะหายไป มันเป็นไปได้ไหมว่า ในอนาคตซอฟท์แวร์ทั้งหมดของเราจะทำงานบนเบราเซอร์ ไม่ใช่ทำงานจากโปรแกรมที่ติดตั้งในอุปกรณ์ ซึ่งเราเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่า “Web apps”
Web app เป็นแอพพลิเคชันที่ใช้ผ่านเว็บเบราเซอร์แทนที่การดาวน์โหลดโปรแกรมและติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดย Web app มีการทำงานทุกอย่างเหมือนกันกับแอพพลิเคชันที่ติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ความแตกต่างหลักที่สำคัญเพียงอย่างเดียวก็คือการใช้ Web app นั้นคุณต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต
คุณอาจคิดว่าความคิดนี้บ้า เราไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากคุณต้องการใช้ซอฟท์แวร์ตอนที่คุณไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้จะทำอย่างไร นี่เป็นคำถามที่ดี อย่างไรก็ตาม หากคุณลองคิดว่าการใช้งานคอมพิวเตอร์พื้นฐานตามปกติของเราคุณจะพบว่าเกือบทุกโปรแกรมต้องการการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เช่น E-mail , Facebook , Twitter , การค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต การดาวน์โหลด การดูวิดิโอ และอีกหลาย ๆ อย่างล้วนต้องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตเกี่ยวข้องกับเรามากกว่า 90% ของสิ่งที่เราทำกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
แต่เพื่อความยุติธรรม พวกเราส่วนมากใช้สิ่งที่เรียกว่า “ประสบการณ์ร่วม” คือ เราใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตเมื่อสามารถเชื่อมต่อได้ในขณะเดียวกันเราเองก็ใช้ app ที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ของเราระหว่างช่วงเวลาที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมมีประสบการณ์ตอนไฟดับในแถบที่ผมอยู่ การขาดกระแสไฟฟ้ามีผลกับแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าหลักสำหรับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นถึงแม้ว่าผมสามารถใช้โทรศัพท์ได้แต่ก็ไม่สามารถใช้การส่งข้อมูลผ่านมือถือได้ ระหว่างที่ไม่สามารถส่งข้อมูลได้และไฟก็ดับทำให้ต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงไม่ได้นั้น เป็นช่วงเวลาที่ปราศจากอินเตอร์เน็ตอย่างแท้จริง
ณ เวลานั้น ผมได้ตระหนักว่า หากไม่มีอินเตอร์เน็ตแล้ว เครื่องโน๊ตบุ๊คส์ของผมก็คงไม่ต่างอะไรจากกระดาษ ใช่แล้ว มันก็ไม่เชิงเสียทีเดียวแต่ทุก ๆ อย่างที่ผมต้องการทำ ณ เวลานั้นล้วนต้องการอินเตอร์เน็ต ประสบการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผมคิดได้เกี่ยวกับทุกสิ่งที่ผมทำเป็นปกติล้วนต้องการอินเตอร์เน็ต
ผมทำรายการขึ้นมาและเพียงอย่างเดียวที่ผมใช้คอมพิวเตอร์ทำมันได้โดยไม่ต้องการอินเตอร์เน็ต นั่นก็คือการตกแต่งรูปภาพและตัดต่อวิดิโอ และหากไม่มีอินเตอร์เน็ต ผมเองก็ไม่สามารถแบ่งปันงานเขียนหรือรูปภาพหรือวิดิโอกับใครได้
ด้วยเหตุผลนี้เอง การถกเถียงกันโดยกล่าวว่า อินเตอร์เน็ตไม่ได้จำเป็นสำหรับเราในการใช้คอมพิวเตอร์จึงไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก ความจริงสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ก็คือ อินเตอร์เน็ตเป็นส่วนสำคัญของการใช้คอมพิวเตอร์ในชีิวิตประจำวัน
นี่จึงเป็นที่มาของ Chrome OS
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Google ได้เปิดตัว Chromebooks ซึ่งได้ร่วมมือกับผู้ผลิตอย่าง Samsung และ Acer Chromebooks นั้นมีการทำงานพื้นฐานเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแต่แตกต่างตรงที่เบราเซอร์ของ Google Chrome นั้น ต้องติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
วิสัยทัศน์ของ Google สำหรับ Chromebooks เป็นสิ่งที่เหมือนกันกับที่ผมได้อธิบายไว้ในตอนแรก วิสัยทัศน์นี้ก็คือแทบทุกสิ่งที่เราทำกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเกิดขึ้นผ่านเบราเซอร์
ในอนาคตจะเป็นแบบนี้มากขึ้นเมื่ออุตสาหกรรมหันมาใช้ HTML และ Javascript เวอร์ชันใหม่ ๆ โดยเมื่อ HTML และ Javascript มีความก้าวหน้าขึ้น เราจะสามารถพัฒนาซอฟท์แวร์ที่ซับซ้อนมากขึ้นสำหรับใช้ผ่านเบราเซอร์ได้ ซึ่ง HTML และ Javascript เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมขั้นพื้นฐานสำหรับใช้ในการสร้างเว็บไซตืและเว็บแอพพลิเคชันในทุกวันนี้ ด้วยมุมมองนี้่ทำให้ทั้ง HTML และ Javascript กลายเป็นหนึ่งในภาษาที่มีความสำคัญมากที่สุดในอนาคต
มีตัวอย่างที่น่าสนใจ ถ้าหากคุณเข้าไปที่เว็บไซต์ MugTug.com คุณจะเห็น Web app ที่ให้คุณสามารถตกแต่งรูปได้จริง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำผ่านเบราเซอร์และใช้ประโยชน์จาก HTML5 MugTug เป็นตัวอย่างที่ดีของโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแอพพลิเคชันที่ติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ เพียงแต่ว่าทำงานบนเบราเซอร์
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Google ได้ก้าวต่อไปอีกขั้น ด้วยการประกาศว่า ตัวเบราเซอร์ Chrome อยู่ระหว่างการทดสอบการรองรับการเขียนโปรแกรมโดยใช้ภาษา C/C++ ซึ่ง C และ C++ นี้ เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมมากที่สุดและใช้สำหรับเขียนซอฟท์แวร์สำหรับคอมพิวเตอร์และแอพพลิเคชันต่าง ๆ บนระบบปฏิบัติการ
แล้ว Android ล่ะไปถึงไหนแล้ว ?
Android เข้ากันได้กับรุ่นของระบบปฏิบัติการเดิมและแอพที่ติดตั้งอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นล้วนต้องการการดาวน์โหลดและติดตั้ง นอกจากนี้ Android ยังเน้นไปที่อุปกรณ์พกพาเช่น โทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ผลิตจากโรงงาน อย่างไรก็ตาม ในรุ่นนี้ผมสามารถจินตนาการถึงโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Chrome และแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Chrome ว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกจากโทรศัพท์และแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android
เหตุผลส่วนหนึ่งที่ผมนำมาอ้างถึงวิสัยทัศน์ในระยะยาวของ Chrome ก็เพราะเนื่องมาจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ Android ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มค่อนข้างจะละเมิดกฏหมาย Google กำลังถูกฟ้องร้องอย่างหนักเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรจากฝั่งตรงข้าม Android ผู้คนมากมายกำลังจับต่ามองเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเนื่องจากว่า ถ้าหาก Google แพ้คดีเหล่านี้ ต้องเกิดคำถามขึ้นกับอนาคตของ Android แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในสิ่งที่ผมเห็น Android อาจจะอยู่กับ Google เพียงแค่ช่วงสั้น ๆ ซึ่งหมายความว่าถ้าหากพวกเขาแพ้และ Android ต้องเสียพันธมิตรทางธุรกิจไป มันก็ไม่ได้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า Goole จะถึงจุดจบเสียเมื่อไหร่
เหตุผลอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าหาก Android ไม่ได้อยู่เพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ อย่างที่บอกแล้ว คงต้องมีแรงเหวี่ยงกลับมาที่ส่วนของอุปกรณ์และซอฟท์แวร์รวมถึงบริการแม้แต่ต้นทุนของใบอนุญาตที่เพิ่มเข้ามา ผู้ขายยังคงต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ Android จุดประสงค์หลักที่ผมต้องการชี้ให้เห็นก็คือ ในอนาคตที่อิงกับการประมวลผลผ่านเบราเซอร์นี้ การมีระบบปฏิบัติการ Chrome นั้นเป็นโอกาสในระยะยาวสำหรับ Google และหุ้นส่วนที่ผลิตอุปกรณ์ให้กับ Google
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผมเกี่ยวกับเบราเซอร์ของ Google และวิวัฒนาการของมันไปเป็นระบบปฏิบัติการ Chrome เมื่อใช้บน Chromebook ก็คือ โดยตัวเบราเซอร์เองแล้วนั้นสามารถใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบราเซอร์สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งที่โดยทั่วไปแล้วมีเพียงระบบปฏิบัติการเท่านั้นที่ใช้ได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น GPU พอร์ทไมโครโฟน ตัวอ่านการ์ดและพอร์ท USB
นั่นเป็นเพราะว่า Chrome ถูกออกแบบมาเพื่อทดแทนระบบปฏิบัติการแบบเดิมในอนาคตถ้าหากว่าซอฟท์แวร์ของเราทั้งหมดได้ย้ายไปอยู่บนเว็บไซต์
ด้วยความสัตย์จริง ณ เวลานี้แม้ว่าผมเชื่อว่าเรากำลังมุ่งไปในทิศทางนี้ แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่สิ่งที่มองเห็นนี้จะกลายมาเป็นความจริง มีชิ้นส่วนที่แตกต่างกันมากมายที่จำเป็นต้องนำรวมเข้าด้วยกันรวมทั้งอุปกรณ์ที่มีความคงทน เชื่อถือได้รวมทั้งการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
บางครั้งเทคโนโลยีก็เปลี่ยนแปลงไปไวปานความเร็วแสง บางครั้งก็ช้า นี่เป็นยุคที่ผมคิดว่ามันควรจะเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ อย่างน้อยสัก 5 ปีต่อจากนี้หรือมีเค้าว่าอาจนานกว่านั้น
อ้างอิงข้อมูลจาก Time.com