ห้องสมุดก็เหมือนเช่นเดียวกันกับผู้อ่านคนอื่น ๆ ที่ควรจะมีอิสระในการซื้อเนื้อหาอิเล็กทรอนิกส์จากสำนักพิมพ์ใดก็ได้ในราคาตลาด เพื่อให้สามารถเก็บรักษาเนื้อหาเหล่านี้ไว้ในห้องสมุดและให้บริการยืมแก่สมาชิกได้ ไม่มีอะไรที่ผิดหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตยแม้แต่น้อย
ห้องสมุดและสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของโลกทั้งหกแห่งกำลังมีข้อขัดแย้งเรื่อง ebook กัน ปัญหานี้จะมีมูลค่าเท่าไหร่ แล้วห้องสมุดจะสามารถให้ยืมและเป็นเจ้าของ ebook เหล่านี้ได้หรือไม่ ถ้าหากคุณไม่ได้ใช้บริการห้องสมุดสาธารณะและเชื่อว่าสิ่งนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับคุณ คุณคิดผิด !!!
อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ร้านหนังสือค่อย ๆ หายไปทีละร้านสองร้านในขณะที่มีจำนวนรายการหนังสือเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ห้องสมุดจึงมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม
เราจำเป็นต้องพึ่งพาห้องสมุดในอนาคตเพื่อที่จะช่วยในการค้นหาและรักษาหนังสือชั้นดีเหล่านั้นไว้ ห้องสมุดเพ่ิงจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อสร้างความสัมพันทางสัญลักษณ์กับสังคมรอบข้างที่เหมือนเป็นการทำงานและพื้นที่พบปะสำหรับคนในท้องถิ่น
สำหรับสำนักพิมพ์ ห้องสมุดจะเป็นโชว์รูมของอนาคต ทำให้ห้องสมุดสามารถเข้าถึงหนังสือที่ตีพิมพ์ได้อย่างต่อเนื่องทั้งนี้เพื่อเป็นตัวสร้างบทบาทให้กับสำนักพิมพ์ แต่อุปสรรคที่สำคัญก็คือ ห้องสมุดจะมีวิธีการได้ ebook มาอย่างไร
.. .. .. .. .. .. ..
ห้องสมุดสามารถเพิ่มยอดขายหรือลดยอดขายหนังสือกันล่ะ ?
เรื่องนี้เป็นหัวใจของความบาดหมางระหว่างสมาคมห้องสมุดอเมริกันและสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่หกแห่ง
ความขัดแย้งที่มีในปัจจุบันได้ขยายวงกว้างออกไป คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเพลงในทศวรรษที่ผ่านมา การตีพิมพ์กำลังเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีความพยายามที่จะจัดการกับ ebook และการแผ่อิทธิพลของ Amazon การลดลงของร้านหนังสือรวมทั้งหนังสือจากนักเขียนอิสระที่มีราคาถูกจำนวนมาก
ทั้ง ๆ ที่ถือว่าเป็นปีที่ดีที่สำนักพิมพ์ Random House ที่ตกลงควบรวมกิจการกับสำนักพิมพ์ Penguin และเพิ่งจ่ายเงินโบนัสให้กับพนักงานคนละ 5,000 เหรียญฯ เพื่อเป็นการขอบคุณต่อความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากนักเขียนที่ชื่อ EL James ผู้แต่งหนังสือชื่อ Fifty Shades Trilogy สำนักพิมพ์ส่วนใหญ่พบว่ามันยากในการรักษายอดขายและความสามารถในการทำกำไรในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับความนิยมหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่ยังต้องรอดูกันต่อไป แต่ไม่มีสำนักพิมพ์แห่งใดที่จะอยู่อย่างสบายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้
สำหรับห้องสมุด นอกจากกระตุ้นเยาวชนให้อ่านและยืมหนังสือแล้ว พวกเขาต้องผันตัวเองจากการเป็นผู้จัดหาการเข้าถึงฐานข้อมูลออนไลน์ไปเป็นการทำแคตตาล็อกเว็บไซต์จากนั้นจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นสิ่งจำเป็นของผู้คนในยุคข้อมูลข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงไป คนส่วนใหญ่มีแน้วโน้มที่จะหันไปอ่าน ebook มากขึ้น
Robin Nesbit จากห้องสมุด Columbus (OH) Metropolitan Library System บอกกับเราว่า ถึงแม้ว่าจะมีหนังสือ ebook หมุนเวียนอยู่ในระบบสำหรับยืมกว่า 500,000 ชื่อเรื่องในแต่ละปี แต่คิดเป็นเพียง 3% ของ ebook ทั้งระบบ นอกจากนี้แล้ว ตัวเลขจำนวนนี้เติบโตขึ้นกว่า 200% ในแต่ละปี คิดเป็นงบประมาณอย่างน้อย 10% ของเรา ต้นทุนของ e-book และองค์ประกอบทางเทคโนโลยีเพื่อให้เข้าถึง ebook ได้นั้น แพงเป็นสามเท่าของหนังสือตัวเล่มของเรา ความกดดันทางด้านราคานี้เป็นสิ่งที่มีนัยสำคัญและกำลังรู้สึกได้ทั่วไป
ทางด้าน Jamie Larue ผู้อำนวยการของ Douglas County Libraries ใน Colorado บอกว่า
“ผมเห็นสถิติการใช้งานห้องสมุดที่ลดลงซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะอธิบาย หลังจากที่ผมมองหนังสือที่มีในสต็อกและรู้ได้ทันทีว่าปัญหาคือเรากำลังใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับ ebook เรากำลังซื้อหนังสือได้น้อยลงกว่าเดิมเนื่องจากราคาหนังสือเพิ่มสูงขึ้น”
ความท้าทายของห้องสมุดเป็นสิ่งที่มีนัยสำคัญ โดย 4 ใน 6 สำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของโลกไม่ได้ขาย e-book ให้กับห้องสมุด มีเพียง Random House และ HarperCollins เพียง 2 แห่งเท่านั้นเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่แตกต่างกัน
Random House ได้ปรับการตั้งราคา ebook ในปี 2012 ในขณะที่ราคาของหนังสือบางรายการถูกลง หนังสือที่ได้รับความนิยมกลับมีราคาแพงขึ้น อย่างหนังสือขายดีที่ชื่อ “The Twelve” ที่ห้องสมุดซื้อมาในราคา 15.51 เหรียญฯ จาก Baker & Taylor และที่ Amazon ขาย ebook เล่มนี้ในราคา 9.99 เหรียญฯ แต่ห้องสมุดต้องซื้อหนังสือ ebook เล่มดังกล่าวในราคา 84 เหรียญฯ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา
ในขณะที่ HarperCollins ได้ใช้โครงสร้างราคาที่ต่างออกไป โดยขาย ebook ให้กับห้องสมุดในราคาตลาดแต่จำกัดการยืม ebook ให้ได้เพียง 26 ครั้งและหลังจากนั้นห้องสมุดต้องทำการซื้อ ebook ดังกล่าวใหม่อีกครั้ง ซึ่ง Robin Nesbitt เห็นว่าโครงสร้างแบบนี้ดีต่อห้องสมุดมากกว่า แต่เธอชี้ให้เห็นว่า ถึงอย่างไรก็ยังแพงกว่าการซื้อหนังสือตัวเล่มอยู่มาก
แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ สำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของโลกทั้ง 6 แห่งไม่ได้ดำเนินตามโครงสร้างราคาแบบนี้ทั้งหมด โดยสัญญาณเตือนที่สำคัญที่สุดสำหรับห้องสมุดก็คือกว่า 80% ของหนังสือที่ถูกยืมนั้นเป็นหนังสือขายดีติดอันดับ ในขณะที่มีแนวโน้มดูเหมือนว่า ท้ายที่สุดสำนักพิมพ์ทุกแห่งจะต้องสร้างโครงสร้างราคาของตนขึ้นมา แต่ทว่าเงื่อนไขอาจจะเลวร้ายกว่าที่ Random House และ HarperCollins เสนอให้กับห้องสมุดเสียอีก !!
