ร้านหนังสือออนไลน์-Herothailand.com
อีกด้านหนึ่งของ Amazon Kindle Fire ที่ทางทีมงานของ Amazon ไม่ค่อยได้พูดถึงกันสักเท่าไหร่นักก็คือ Kindle Fire นั้นทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android
Amazon ไม่ได้ซ่อนความจริงที่ว่า Kindle Fire นั้นทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android และผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลด app ได้จาก Appstore ของ Amazon ได้ แต่ข้อความที่ส่งออกไปค่อนข้างชัดเจนคือ นี่ไม่ใช่อุปกรณ์ Android แต่เป็นอุปกรณ์ของ Amazon
John Gruber ได้เขียนไว้ในบล็อกของเขาว่า มีการกล่าวถึง Android เพียงแค่ในหน้าแนะนำสินค้าของ Kindle Fire เพื่ออ้างอิงถึง Amazon Appstore เท่านั้น
เมื่อ Amazon เปิดัว Appstore สำหรับ Android ของพวกเขาเมื่อเดือนมีนาคม บางคนถึงกับแปลกใจว่าทำไม Amazon ถึงต้องยุ่งยากในการสร้างทางเลือกสำหรับตลาด Android แล้วตอนนี้เหตุผลก็เป็นที่ชัดเจนว่า เป็นการทำให้ Amazon สามารถสร้างช่องทางเข้าถึง app ต่าง ๆ บนอุปกรณ์ของตัวเองได้นั่นเอง
Amazon จะตรวจสอบ app ที่เพิ่มเข้ามา เช่นเดียวกันกับที่ Apple ตรวจสอบ app ของตนเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้งาน Kindle Fire สามารถเข้าถึง app ที่สามารถทำงานได้ดีกับอุปกรณ์ของพวกเขา
ในส่วนของประสบการณ์ผู้ใช้นั้น Appstore บน Kindle Fire ได้ถูกปรับปรุงทั้งหมดและที่ต่างจาก Android ทั่วไปคือ ไม่ต้องมีตลาดของ Android มารองรับ วิธีการของ Amazon เหมือนกันอย่างมากกับการเข้าถึง App store บนอุปกรณ์ที่ใช้ iOS
กล่าวโดยสรุปว่า Appstore ของ Amazon เป็นองค์ประกอบพื้นฐานอย่างหนึ่งของระบบปฏิบัติการ Android
Amazon ไม่ได้เป็นบริษัทแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android กับอุปกรณ์ของตน โดยเพียงปรับเปลี่ยนส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานและเพิ่ม Appstore ของตนเข้าไป ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ต่างก็มีหน้าตาส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานของระบบปฏิบัติการ Android ที่เฉพาะตัวแตกต่างกันไป แต่การปรับเปลี่ยนหน้าตาดังกล่าวของ Amazon ได้ก้าวไปไกลกว่าการคิดถึงเรื่องการเปลี่ยนธีมในส่วนติดต่อกับผู้ใช้งาน โดย Amazon ได้สร้าง app ของตัวเอง สำหรับใช้งาน email และเล่นวิดิโอ ( โดยการใช้ Amazon Instant Video ) รวมถึงการฟังเพลงและอ่านหนังสือ
Amazon เลือกใช้ Android 2.3 เป็นระบบปฏิบัติการหลักแทนที่จะเป็นระบบปฏิบัติการ Honeycomb ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ และเราคาดหวังว่าบริษัทได้ใช้โอกาสนี้ในการปรับเปลี่ยนเวอร์ชัน 2.3 นี้ให้เข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์ของ Kindle Fire
นอกจากนั้นแล้ว แทนที่จะใช้เว็บเบราเซอร์ที่มากับ Android Amazon กลับเลือกที่จะสร้างเว็บเบราเซอร์ของตัวเองที่เรียกว่า Amazon Silk ซึ่ง Silk สามารถทำงานได้ทั้งบนเซิร์ฟเวอร์และบนอุปกรณ์และยังถูกปรับแต่งมาให้สามารถส่งเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
อุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เกือบทั้งหมดที่ผมเคยใช้ แม้แต่อุปกรณ์ที่มีการปรับเปลี่ยนธีมให้ดูไม่เหมือน Android อย่างเครื่องอ่าน e-book ของ Barnes & Noble ที่เรียกว่า Nook Color นั้นก็ยังใช้ชุดคำสั่งบางอย่างของ Android ซึ่งนี่ไม่ใช่วิธีที่ Kindle Fire ทำ โดย Amazon ได้ทำให้ทุกขั้นตอนสามารถปรับแต่งส่วนติดต่อผู้ใช้งานได้อย่างเต็มที่
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงมองว่าสิ่งที่ Amazon ทำนั้นเป็นแขนงที่แตกออกมา นั่นก็คือการใช้ซอฟท์แวร์ในแนวทางที่ต่างออกไป ที่ต่างจากแนวทางต้นแบบ บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกสำหรับการดัดแปลงจาก Android เพราะว่า Android ส่วนมากอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ Apache และไม่ได้รับอนุญาตให้จัดทำเป็นสัญญาอนุญาตสำหรับซอฟต์แวร์เสรี โดยที่ Amazon เอง ไม่ต้องรับผิดชอบการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กับแกนหลักของ Android ซึ่งหมายความว่า Amazon สามารถที่จะเลือกทำให้แตกต่างจากรุ่นแกนหลักที่ได้รับการปรับปรุงอย่างเป็นทางการ โดยเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มหน้าที่การทำงานให้กับ Android รุ่น 2.3 มากกว่าที่จะเลือกเอา Ice Cream Sandwich มาใช้่
เราคาดว่า Amazon ได้เริ่มโน้มน้าวให้นักพัฒนา Android หันมาปรับเปลี่ยน app ของพวกเขาให้เข้ากันได้อย่างลงตัวกับ Kindle Fire