back to top

ส่งเสริมลูกให้เก่งวิทย์โดยไม่เครียด

Listen to this article

ช่วงนี้หลายบ้านคงกำลังเข้าสู่ช่วงสอบกลางภาคหรือมิดเทอม และอีกไม่นานก็จะปิดเทอมแล้ว สำหรับน้อง ๆ ที่เตรียมเข้าค่ายวิชาการ บางบ้านก็ยังต้องขยันกันต่อไป แต่พ่อแม่ทุกคนล้วนภูมิใจเมื่อเห็นลูกมีทางเลือกและความสนใจของตัวเอง

แต่สำหรับหลายบ้านที่มีลูกเล็ก ๆ ไม่ว่าจะเพิ่งเข้าโรงเรียน หรือเริ่มเรียนไปได้ไม่นาน บางครั้งเห็นผลการเรียนของลูกแล้วก็รู้สึกท้อใจบ้าง บางวันไปโรงเรียนแล้วทะเลาะกับเพื่อน หรือเจอปัญหาสุขภาพ เช่น ไข้หวัด หัด ท้องร่วง หอบหืด RSV มือเท้าปาก หรือไปโรงเรียนนี้แล้ว ลูกอั้นฉี่ พอย้ายมาโรงเรียนใหม่ ร่าเริง สดใส เป็นต้น พ่อแม่ต้องคอยจัดการและรับมือกันแทบทุกวัน

พอเด็กโตขึ้น ก็จะเริ่มเจอทางเลือกทางการศึกษาเต็มไปหมด — โรงเรียนไหนสอนดี ไม่เน้นสอบ เน้นกิจกรรม หรือใช้หลักสูตรต่างประเทศ เพื่อให้เด็กพัฒนาทั้ง EQ และ IQ บางบ้านมองหาห้องเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษา

เด็กเล็ก ๆ จริง ๆ แล้วรู้ตัวหรือยังว่าชอบอะไร? พ่อแม่รู้หรือเปล่าว่าลูกชอบอะไร? หรือแม้แต่ตัวพ่อแม่เอง — ชอบหรือไม่ชอบอะไร? เราไม่สามารถรู้คำตอบทั้งหมดพร้อมกันได้ และแน่นอนว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน แม้แต่ลายนิ้วมือยังไม่เหมือนกันเลย หรืออย่างวิชานี้ คุณครูดุมากเลย พลอยเกลียดวิชานั้นไปด้วย หากบังเอิญเป็นวิทยาศาสร์หรือคณิตศาสตร์นี่ก็ยุ่งเลย แต่อีกวิชาหนึ่งคุณครูใจดีมาก สอนสนุก ชอบ เลยรักวิชานั้น อะไรแบบนี้ พอขึ้นชั้นใหม่เปลี่ยนคุณครู จากวิชาที่เคยเกลียด กลับมาชอบ กลับมาถนัดกว่าเดิม !!

Photo by YY TEOH on Unsplash

การศึกษาเปลี่ยนอนาคต แต่ค่าใช้จ่ายสูง

พ่อแม่หลายคนเชื่อว่า การศึกษาเป็นกุญแจสำคัญที่เปลี่ยนอนาคตเด็ก โรงเรียนดี ๆ ค่าเทอมก็สูง บางที่เรียนฟรีแต่ก็ยังมีค่าเรียนพิเศษอีกมาก บางบ้านต้องส่งลูกเรียนพิเศษตั้งแต่ ม.1, ม.4 หรือแม้กระทั่งเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย บางครั้งพอเด็กไปเรียนพิเศษ กลับไปนั่งวาดรูปฆ่าเวลาแทนที่จะเรียนจริง จะไม่ให้ไปเรียนก็กลัวแข่งขันสู้คนอื่นไม่ได้

ถ้าเรามีเงินเหลือเฟือ เรื่องพวกนี้ไม่ยาก แค่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก แต่หลายบ้านต้องคิดหนัก เพราะต้องดูแลปากท้องตัวเองด้วย อยากให้ลูกได้ทุกอย่างนั่นแหละ แต่ตัวเราเองก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง หลังบ้านติดภูเขา หน้าบ้านติดแม่น้ำ ตัวบ้านติด Wifi เจ้าของบ้านติดเครดิตบูโร หนี้สินก็รุงรัง ทำอย่างไรจะให้ลูกมีทักษะทางวิชาการ วิชาชีพ โดยที่ประหยัดค่าเรียนพิเศษหลายๆ วิชาไปก่อน

นี่จึงเกิดแนวคิด Low Cost Student — ใช้หนังสือมาช่วยสอนลูกเอง เลือกสรรสิ่งที่ดีสำหรับวัยและความสนใจของลูก ไม่ใช่ Homeschool เต็มรูปแบบ แต่เป็นการอ่านไปด้วยกัน บางอย่างที่เด็กไม่เข้าใจ พ่อแม่สามารถอธิบาย ช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้แบบไม่เครียด อยากเรียนอยากศึกษาเรื่องอะไร จะทำกีตาร์เหรอ ก็ซื้อหนังสือมานั่งอ่านนั่งหัดทำกัน เป็นต้น คือปลายทางอาจจะไม่ใช่ผลงานรูปธรรมที่จับต้องได้ แต่เป็นเหมือนกับการได้ How to ได้ทดลองทำอะไรที่อยากทำด้วยตนเอง จะได้เรียนรู้ว่าเจอข้อจำกัดอะไรบ้าง เจอปัญหาอะไร จะมีวิธีแก้อย่างไร พอแก้ได้ ก็จะได้ความมั่นใจ ได้วิธีคิดที่จะนำไปใช้ไปต่อยอดกับการใช้ชีวิตว่าทุกอย่างมีทางออก มีวิธีการแก้ปัญหาเสมอ

Fit a Balloon Into A Small Flask? Maybe With Liquid Nitrogen!

เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว: วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

สิ่งที่น่าจะสอนลูกตั้งแต่เล็ก ๆ คือ เรื่องรอบตัวในชีวิตประจำวัน ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

  • ตัวอย่าง: เด็ก ๆ มักสงสัยว่า “ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า?” หรือ “ทำไมเวลาต้มน้ำถึงเกิดฟอง?” น้ำยาล้างจานออกไม่หมดหรือเปล่าคะ?
  • Fact วิทยาศาสตร์: สีฟ้าเกิดจากการกระเจิงของแสงอาทิตย์ในชั้นบรรยากาศ (Rayleigh scattering)
  • การตอบคำถามเหล่านี้ช่วยให้เด็กเข้าใจโลกและมีความมั่นใจในการหาคำตอบด้วยตัวเอง

    ทำไมปะป๊าชอบดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลคะ ไม่ขมหรือค่ะ ? อ่อ พอดีป๊าเป็นคนอ่อนหวานค่ะลูก }}}

ไม่ต้องบังคับให้เด็กถาม พอเขาอยากรู้ก็ถามเอง แต่พ่อแม่สามารถหาเรื่องสนุก ๆ ชวนคุยหรือทดลองไปพร้อมกัน


ตัวอย่างกิจกรรมง่าย ๆ จากชีวิตประจำวัน

  1. สังเกตการเปลี่ยนแปลงของน้ำ
    • ขณะต้มน้ำเพื่อทำชา เด็กอาจถามว่า “ทำไมไอน้ำลอยขึ้นมา?”
    • เป็นโอกาสอธิบายเรื่อง การเปลี่ยนสถานะของน้ำ จากของเหลวเป็นแก๊ส
    • เลือกหนังสือที่มีภาพประกอบสวยและเนื้อหากระชับ เด็กเข้าใจง่ายและสนุก
    • ทำไมคุณพ่อถึงดื่มกาแฟดำค่ะ ทำไมไม่เติมน้ำตาลเพิ่มความหวาน ไม่ขมเหรอค่ะ อ่อ ก็เพราะว่าพ่อเป็นคนอ่อนหวานจ้าา…
  2. สังเกตพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง
    • ถ้าเด็กชอบสุนัขหรือแมว จะเห็นคำถามเช่น “ทำไมแมวชอบนอนกลางวัน?”
    • หนังสือเกี่ยวกับ ชีววิทยาพื้นฐานและพฤติกรรมสัตว์ จะช่วยให้เด็กเข้าใจธรรมชาติรอบตัว
  3. ทดลองวิทยาศาสตร์ง่าย ๆ ที่บ้าน
    • ทำภูเขาไฟจำลองจากเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู
    • ปลูกต้นไม้ในขวดแก้ว (Terrarium)
    • เลือกหนังสือที่สอน การทดลองวิทยาศาสตร์พื้นฐาน พร้อมวิธีสังเกตผล เด็กจะเรียนรู้สนุก ปลอดภัย และเกิดแรงบันดาลใจ

ทำไมควรซื้อ Encyclopedia สำหรับเด็ก

การลงทุนในหนังสือ Encyclopedia สำหรับเด็ก :

แต่ที่แนะนำแล้วคุ้มค่าคือซื้อหนังสือ Encyclopedia สำหรับเด็ก เพราะจะมีรูปภาพประกอบน่าสนใจ เด็ก ๆ ก็ได้ดูรูป อ่านออกไม่ออกไม่เป็นไร มีรูปตื่นตาตื่นใจเยอะแยะ พอโตมาหน่อยก็เอามาใช้ฝึกอ่านเนื้อหาข้อความ เจอคำศัพท์ ได้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ ได้ท่องศัพท์แบบที่ไม่ต้องท่อง เพราะจะเจอศัพท์เดิมๆ อยู่บ่อยครั้ง ได้คุ้นเคยกับโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ คือเล่มเดียวสอนได้ทั้งวิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษและศิลปะ แถมความรู้รอบตัวอีกมากมายที่เกิดขึ้นในบทสนทนาระหว่างพ่อแม่กับลูก
ที่แนะนำแล้วคุ้มค่าคือซื้อหนังสือ Encyclopedia สำหรับเด็ก เพราะจะมีรูปภาพประกอบน่าสนใจเยอะมาก เด็ก ๆ ก็ได้ดูรูป อ่านออกไม่ออกไม่เป็นไร มีรูปตื่นตาตื่นใจให้ได้สังเกตจากรูปไปก่อน พอโตมาหน่อยก็เอามาใช้ฝึกอ่านเนื้อหา ข้อความต่าง ๆ หัดอ่านออกเสียง เจอคำศัพท์ ได้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ ได้ท่องศัพท์แบบที่ไม่ต้องท่อง เพราะจะเจอศัพท์เดิมๆ อยู่บ่อยครั้ง ได้คุ้นเคยกับโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ คือเล่มเดียวสอนได้ทั้งวิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษและศิลปะ แถมความรู้รอบตัวอีกมากมายที่เกิดขึ้นในบทสนทนาระหว่างพ่อแม่กับลูก

💡 Fact: การอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์ตั้งแต่อายุ 3–7 ปี จะช่วยกระตุ้นสมองส่วน Prefrontal Cortex ที่เกี่ยวกับการวางแผน การคิดเชิงเหตุผล และการแก้ปัญหา — งานวิจัยจาก University of Cambridge พบว่าเด็กที่มีสมาธิอ่านหนังสือในวัยนี้ มีทักษะการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าเด็กทั่วไปประมาณ 20%

  • มีรูปภาพประกอบตื่นตาตื่นใจ
  • ช่วยเด็ก ๆ เริ่มอ่านเนื้อหาข้อความ ฝึกศัพท์ภาษาอังกฤษไปพร้อมกัน
  • สะสมความรู้รอบตัวที่เกิดขึ้นจากบทสนทนาระหว่างพ่อแม่กับลูก
  • พอเด็กโตขึ้น สามารถฝึกอ่านและทำความเข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ และศิลปะได้ครบในเล่มเดียว

หลักการก็คือ

  • เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวและสิ่งที่เด็กสนใจ
  • เลือกหนังสือที่เหมาะกับวัย: ไม่ง่ายเกินไป ไม่น่าเบื่อ
  • สอดแทรกกิจกรรมทดลองและการสังเกตชีวิตประจำวัน
  • Encyclopedia สำหรับเด็กคือการลงทุนที่คุ้มค่า
  • อ่านไปด้วยกัน ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก

การเลือกหนังสือที่ดี ไม่เพียงแค่สอนวิทยาศาสตร์ แต่ยังสอน ความคิดวิเคราะห์ ความอยากรู้อยากเห็น และสร้างความมั่นใจให้เด็ก ให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ต่อไป
การเลือกหนังสือวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสมกับวัยและความสนใจของลูกเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างสนุกสนานและไม่เครียด อย่าลืมเลือกหนังสือที่มีเนื้อหากระชับ ภาพประกอบสวยงาม และเน้นการทดลองหรือกิจกรรม เพื่อเสริมสร้างความสนใจและความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ของเด็ก ๆ

หากคุณกำลังมองหาหนังสือวิทยาศาสตร์คุณภาพสำหรับลูก สามารถใช้บริการฝากสั่งซื้อได้ที่ Herothailand.com ซึ่งรับสหนังสือหลากหลายประเภทที่เหมาะสมกับวัยและความสนใจของเด็ก ๆ พร้อมบริการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ

แนะนำ 10 หนังสือวิทย์สำหรับเด็กจาก Amazon

My First Book of Planets: All About the Solar System for Kids Hardcover: หนังสือที่พาเด็ก ๆ ไปสำรวจระบบสุริยะและดาวเคราะห์ต่าง ๆ

The Magic School Bus” Series: ชุดหนังสือที่ผสมผสานการผจญภัยกับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เหมาะสำหรับเด็กวัย 5-10 ปี

National Geographic Little Kids First Big Book of Why: หนังสือที่ตอบคำถามยอดฮิตของเด็ก ๆ เช่น “ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า?”

Ada Twist, Scientist: เรื่องราวของเด็กหญิงที่รักการทดลองและตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว

The Cat in the Hat Learning Library: หนังสือที่ใช้ตัวละครจาก Dr. Seuss เพื่อสอนวิทยาศาสตร์พื้นฐาน

The Way Things Work Now: หนังสือที่อธิบายการทำงานของเครื่องจักรและเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

The Human Body Book: หนังสือที่อธิบายโครงสร้างและการทำงานของร่างกายมนุษย์

The Everything Kids’ Science Experiments Book: รวมกิจกรรมทดลองวิทยาศาสตร์ง่าย ๆ ที่สามารถทำที่บ้านได้

The Wonders of Nature: หนังสือที่สำรวจความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ


หากถูกใจบทความดังกล่าว สามารถกดไลค์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้กัน
ร่วมสนับสนุนการทำเนื้อหาได้ที่
SCB : ธนาคารไทยพาณิชย์
ชื่อบัญชี : HEROTHAILAND.COM บัญชี : ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี : 667-265599-4

Herothailand.com รับสั่งหนังสือต่างประเทศ สินค้าต่างประเทศ
พร้อมรับประกันการจัดส่งถึงบ้าน
ไม่ได้รับสินค้า ยินดีคืนเงินเต็ม 100%
Tel : 08-5464-1644