อัตราเงินเฟ้อของอียิปต์เพิ่มสูงขึ้นไปแตะระดับ 26.5% ในเดือนมกราคม ปี 2023 โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วที่อยู่ ณ ระดับ 21.9% แต่ถ้าเราเทียบกับตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมกราคม ปี 2022 ตัวเลขเงินเฟ้อยังอยู่ที่ระดับ 8% ก่อนที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังเกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ราคาขนมปังและธัญพืชเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 6.6% ราคาเนื้อและเป็ดไก่ปรับขึ้นถึง 20.6% เลยทีเดียว
เศรษฐกิจของอียิปต์เข้าสู่ภาวะลำบากมาหลายปีจากนโยบายของรัฐบาล การระบาดของโควิดและผลกระทบจากสงครามรัสเซียยูเครน เนื่องจากอียิปต์เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลกและข้าวสาลีส่วนใหญ่ก็มาจากยุโรปตะวันออก ส่วนภาคครัวเรือนก็มีรายได้ต่ำเนื่องจากชาวอียิปต์ส่วนใหญ่พึ่งพาเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในการซื้อหาอาหารหลักอย่างเช่น ขนมปัง
อียิปต์พึ่งพาการนำเข้าค่อนข้างมากในขณะที่ค่าเงินปอนด์อียิปต์ลดลงทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ขาดแคลนเงินตราต่างประเทศทำให้สินค้านำเข้าค้างอยู่ที่ท่าเรือ ส่งผลให้สินค้าเหล่านั้นขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันการจำกัดการนำเข้าก็ทำให้ไม่สามารถนำวัตถุดิบบางอย่างเข้ามาผลิตในประเทศได้ โรงงงานไม่สามารถผลิตสินค้าได้และอาจจำเป็นต้องประกาศลดจำนวนพนักงานหรือเลิกจ้าง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้อัตราเงินเฟ้อไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
อียิปต์มีประชากร 104 ล้านคน เกือบ 30% มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว IMF ได้อนุมัติเงินกู้จำนวน 3 พันล้านเหรียญฯ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แต่ทั้งนี้อียิปต์ก็ต้องตกลงที่จะนำนโยบายทางเศรษฐกิจหลายอย่างมาใช้รวมถึงการปรับไปใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ซึ่งทาง IMF จะได้พิจารณาอนุมัติวงเงินกู้เพิ่มเติมอีก 14,000 ล้านเหรียญฯ
ค่าเงินปอน์อียิปต์ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากปรับมาใช้อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว โดยค่าเงินลดลงไปแล้วกว่า 50% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้รัฐบาลอียิปต์มีแผนที่จะขายหุ้นในรัฐวิสาหกิจหลายแห่งรวมถึงธนาคารและบริษัทพลังงาน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ได้มองว่าการที่เศรษฐกิจของอียิปต์ถูกครอบงำโดยรัฐบาลและกองทัพนั้นเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาของภาคเอกชน
…..
เมื่อสถานการณ์เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นแบบนี้ ทุกอย่างก็แพงทั้งแผ่นดิน ทำให้สินค้าอื่น ๆ นอกเหนือไปจากกลุ่มอาหาร ต่างก็มีโปรโมชั่นผ่อน 0% หรือคิดดอกเบี้ยต่องวดต่ำ ๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ที่แปลก แหวกแนวและอาจจะเป็นหนทางของการอยู่รอดด้วยก็คือการนำเสนอขายหนังสือแบบเงินผ่อน !
คุณ โมฮัมหมัด เอล บาลลี จากสำนักพิมพ์ Sefsafa กล่าวว่า “ถึงตอนนี้หนังสือได้กลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยไปแล้ว ไมได้เป็นสินค้าปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นอย่างอาหาร ดังนั้นผู้คนก็จะประหยัดเงินในส่วนนี้”
“ราคาหนังสือได้แพงขึ้นเป็นสองเท่า โดยต้นทุนก็คือค่ากระดาษและหมึกพิมพ์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะกระดาษน้ำหนัก 1 ตัน ในตอนนี้ราคาเพิ่มขึ้นจากตอนต้นปีเกือบ 4 เท่า ซึ่งก็ต้องหาทางไปพิมพ์หนังสือในต่างประเทศ ในจำนวนที่น้อยลง เพราะเศรษฐกิจแบบนี้คนก็คงซื้อหนังสือน้อยลง”
นั่นหมายความว่า หนังสือหากจะอยู่รอดก็ต้องทำให้ใช้กระดาษน้อยลง การใช้กระดาษน้อยลง หนังสือบางลง นักเขียนก็ต้องตัด ลด คำพรรณนา คำอธิบายลักษณะตัวละคร บรรยากาศในเนื้อหา ต้องถูกลดทอนไปด้วย จากหนังสือ 100 หน้าก็ตัดทอนลดลงมาเหลือ 60 หน้า อะไรทำนองนี้ พร้อมทั้งมีแนวคิดจากสมาคมสำนักพิมพ์แห่งอียิปต์ว่า ควรจะมีทางเลือกให้มีการซื้อหนังสือแบบผ่อนได้นาน 9 เดือน คิดดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน เพื่อจูงใจให้คนซื้อหนังสือ ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มนักอ่านหันไปอ่านหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์ที่เอาต้นฉบับหนังสือจริงมาปรินท์ลงบนกระดาษราคาถูกเข้าเล่มขาย
ยิ่งเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งตัดอำนาจซื้อของผู้บริโภคมากขึ้นเท่านั้น อียิปต์เป็นประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าค่อนข้างมาก ทำให้เกิดวิกฤติค่าเงินและหลังจากปรับมาใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวก็ทำให้ค่าเงินมีค่าลดลงไปกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นักเขียนรายหนึ่งพูดได้กินใจมากว่า “มันไม่น่าแปลกใจที่ในปีนี้ ผู้คนต่างกังวลว่าจะมีอะไรกินในแต่ละวันมากกว่าเรื่องจะไปซื้อหนังสือที่เป็นอาหารให้กับความรู้สึกนึกคิด”