หลังจากการเจรจาพูดคุยกันเป็นแรมเดือน Pearson และ Bertlesmann ก็ได้ประกาศควบรวมกิจการกันเป็นที่เรียบร้อย นั่นหมายความว่า ณ บัดนี้ Random House และ Penguin ได้เป็นกิจการแห่งเดียวกันแล้ว ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าการควบรวมกิจการดังกล่าวน่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งหลังของปี 2013 ซึ่งจะทำให้ John Makinson ประธานกลุ่มธุรกิจในเครือ Penguin ก้าวขึ้นเป็นประธานกรรมการของบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า Penguin Random House company ในขณะที่ Markus Dohle ประธานกรรมการกรรมการและซีอีโอของ Random House จะรับหน้าที่ซีอีโอของบริษัทใหม่นี้
จากข้อตกลงที่ทำร่วมกันนั้น Bertlesmann จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ 53% และ Pearson เจ้าของ Penguin จะถือหุ้นในสัดส่วน 47% การควบรวมกิจการนี้จะไม่รวมถึงธุรกิจหนังสือของในเยอรมนีของ Bertlesmann และ Pearson ยังคงมีสิทธิในการใช้แบรนด์ Penguin ในตลาดหลักของพวกเขาที่เน้นเซกเม้นท์เกี่ยวกับการศึกษาได้ทั่วโลก ส่วนบอร์ดบริหารของบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นใหม่นี้มีจำนวน 9 คน เป็นคนจาก Bertlesmann จำนวน 5 คนและจาก Pearson จำนวน 4 คน
การประกาศควบรวมกิจการนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ไม่กี่วันก่อนหน้าที่มีข่าวรั่วออกมาว่าทางด้าน News Corp. สนใจที่จะยื่นข้อเสนอขอควบรวมกิจการให้ Penguin พิจารณาเช่นเดียวกัน แต่ทางด้าน Makinson กล่าวว่าบอร์ดบริหารของ Pearson เห็นพ้องต้องกันว่าจะควบรวมกิจการกับ Bertlesmann รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองแห่งก็มีความต้องการที่จะดำเนินการควบรวมกิจการให้เป็นไปอย่างที่ได้เจรจากันไว้
Marjorie Scardino ซีอีโอของ Pearson กล่าวว่า “การควบรวมกิจการกับ Random House ซึ่งเป็นบริษัทที่มีวัฒนธรรมกองค์กรค่อนข้างเหมือนกันอย่างมากกับ Penguin รวมทั้งมีมาตรฐานและทำหน้าที่ในส่วนของสื่อสิ่งพิมพ์ได้อย่างยอดเยี่ยม จะช่วยให้เราสามารถร่วมกันสร้างโอกาสและอนาคตที่ยิ่งใหญ่ได้ดีขึ้น เมื่อรวมกันแล้ว สำนักพิมพ์ทั้งสองแห่งจะสามารถบริหารจัดการต้นทุนส่วนใหญ่ร่วมกันเพื่อที่จะสามารถหันไปลงทุนในนักเขียนและนักอ่านได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้วยังสามารถที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับโลกดิจิตอลและผู้อ่านหนังสือในรูปแบบดิจิตอลได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย”
ส่วนทางด้าน Thomas Rabe ประธานกรรมการและซีอีโอของ Bertlesmann กล่าวว่า “ด้วยแผนการควบรวมกิจการนี้ ทำให้ Bertlesmann และ Pearson สามารถสร้างหลักสูตรที่ดีที่สุดสำหรับการเจริญเติบโตสำหรับสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกของเรา รวมทั้งการที่จะทำให้บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่นี้มีประสิทธิภาพในการจัดการหนังสือไม่ว่าจะในรูปแบบตัวเล่มหรือในรูปแบบของดิจิตอลรวมทั้งการบริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่ายให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น เปิดโอกาสให้กับนักเขียนหน้าใหม่ ตัวแทนใหม่ คนขายหนังสือและผู้อ่านมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าทั้งสองสำนักพิมพ์จะตกลงควบรวมกิจการกันแล้วแต่ในท้ายที่สุดก็ต้องรอการอนุมัติจากรัฐสภาก่อน ภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไข ไม่ว่า Pearson หรือ Bertlesmann จะไม่สามารถขายหุ้นในส่วนที่ตนถือครองในบริษัท Penguin Random House อย่างน้อยเป็นเวลา 3 ปี นอกจากนี้แล้วภายหลังจากที่ควบรวมกิจการกันได้ห้าปี แต่ละฝ่ายอาจจะเปิดขาย IPO ของ Penguin Random House ซึ่งอาจจะระดมทุนได้ถึงสี่พันล้านเหรียญ ฯ
การควบรวมกิจการในครั้งนี้อาจมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของกระทรวงยุติธรรมในเรื่องของการตรึงราคา e-book อีกด้วยก็เป็นได้
ขอบคุณ Travelmax.co.th ที่ช่วยอธิบายเรื่อง EBITDA และเหตุผลที่อาจเป็นไปได้ว่าทำไม Pearson ถึงต้องขึ้นดอกเบี้ยเป็น 3.5*EBITDA