ตลาดหนังสืออินเดีย

Listen to this article

ตลาดหนังสืออินเดีย

งานเทศกาลหนังสือโลกครั้งที่ 43 จัดขึ้นที่กรุงนิวเดลี ระหว่างวันที่ 9 ถึง 17 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งงานระดับนี้สำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกย่อมไม่พลาดที่จะเข้าร่วม อาทิเช่น Cambridge University Press, HarperCollins, Random House, Sage, Scholastic และที่จะขาดไม่ได้ก็คือ Taylor & Francis สำนักพิมพ์เหล่านี้ต่างก็มีบูธที่สะดุดตากันทั้งนั้น

สำนักพิมพ์เหล่านี้ต่างก็มองเห็น “ขนาดตลาดหนังสือของอินเดีย” ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่หนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท และหากนับเฉพาะหนังสือที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษก็จัดว่าเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ส่วนที่ผลักดันตลาดหนังสือของอินเดียให้เติบโตมากที่สุดก็คือหนังสือวิชาการ อย่าลืมว่าระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาของอินเดียนั้นมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลกเลยทีเดียว สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในอินเดียได้รับทุนอุดหนุนจำนวนมากจากรัฐบาล ซึ่งในปัจจุบันจะเน้นไปที่การสร้างแหล่งข้อมูลความรู้ที่เป็นดิจิตอล

จากภาพรวมของตลาดพบว่า ยอดขายของทั้งหนังสือตัวเล่มและ e-book ต่างก็เติบโตอย่างต่อเนื่องไปพร้อม ๆ กัน สำนักพิมพ์เองก็พยายามสร้างและปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องเหมาะสมกับความต้องการของผู้อ่าน โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบ

การใช้กลยุทธ์การตลาดแบบเดิมนั้นไม่สามารถใช้ได้กับตลาดในอินเดียแล้ว

ปัจจุบันสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ต้องทำแคตตาล็อกให้ดึงดูดรวมทั้งมีกลยุทธ์การตลาดใหม่ที่เฉพาะเจาะจงไปกับสถาบันการศึกษาและมีการนำระบบข้อมูลสารสนเทศมาประยุกต์ใช้เป็นหลัก การที่ต่างฝ่ายต่างพยายามพัฒนาในส่วนของตน ทำให้ในตลาดมีหนังสือให้เลือกมากมายและเฉพาะเจาะจงตรงตามความต้องการของผู้ใช้ สำนักพิมพ์สามารถออกหนังสือใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น

การที่เก็บรวบรวมข้อมูลได้มากและนำมาวิเคราะห์ กลายเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงความต้องการของผู้อ่าน หรือพูดได้ว่า ณ ชั่วโมงนี้ การทำการตลาดโดยการสร้างเนื้อหาเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด เพราะมันคือการทำให้ผู้อ่านมองเห็นทางเลือกที่ตรงกับความต้องการของพวกเขามากที่สุด

อย่างเช่น สำนักพิมพ์ Taylor & Francis ตลาดหนังสืออินเดียถือเป็นตลาดที่มีสัดส่วนใหญ่เป็นอันดับสามในส่วนของหนังสือตัวเล่มและทางสำนักพิมพ์เองตั้งใจที่จะลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

ความท้าทายที่รออยู่ก็คือเรื่องของการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ได้อย่างเสรีหรือ Open access โดยขณะนี้กำลังมีการพิจารณาว่าอาจจะทำให้เอกสารงานวิจัยสามารถเข้าถึงได้อย่างเสรีโดยมีช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินเพื่อเข้าใช้สั้นกว่าของทางซีกโลกตะวันตก นี่คือเป้าหมายที่ตั้งไว้ของสถาบันการศึกษาที่ได้รับทุนอุดหนุนจากรัฐบาลซึ่งนั่นก็คือสถาบันการศึกษากว่า 95% ของอินเดียเลยทีเดียว แต่นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลต่องานวิจัยและผู้เขียนงานวิจัยจากอินเดีย ซึ่งพวกเขากำลังมองหาทางที่จะเผยแพร่ผลงานวิจัยออกไปในระดับโลก

นอกจากนี้แล้วยังอาจมีการออกกฏหมายที่ควบคุมให้สำนักพิมพ์ขายวารสารในราคาถูกให้แก่สถาบันการศึกษาที่ได้รับทุนอุดหนุนจากรัฐบาล แต่ที่น่ากังวลมากไปกว่านั้นสำหรับสำนักพิมพ์ต่างประเทศที่มีสำนักงานในอินเดียก็คือเรื่องของความเป็นส่วนตัว (คนอินเดียให้ความสนใจในเรื่องนี้อย่างมาก) รวมทั้งเรื่องลิขสิทธิ์ (ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรมากนัก )

ส่วนตลาดหนังสืออื่น ๆ ในอินเดียคิดเป็นสัดส่วนราว 30% และก็มีความท้าทายและโอกาสรออยู่เช่นกัน เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปและบ่อยครั้งที่หนังสือขายดีติดอันดับจะถูกหนังสือก็อปปี้ขายตัดราคาลงมาครึ่งต่อครึ่ง ยิ่งถ้าเป็น e-book ก็มีปัญหาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเว็บไซต์อย่าง Flipkart ที่เปรียบได้กับ Amazon ได้ตัดสินใจหยุดขาย e-book เมื่อเดือนที่แล้ว

สำหรับประเทศอินเดียที่มีความหลากหลายทั้งทางด้าน วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ส่ิงเหล่านี้ได้นำมาซึ่งเนื้อหาใหม่ ๆ จำนวนมากมายเลยทีเดียว ดังจะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ปีมานี้ มีหนังสือศิลปะและภาพประกอบเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่สำหรับสำนักพิมพ์ที่ทำหนังสือกลุ่มนี้มองว่า หนังสือศิลปะและภาพประกอบมียอดขายลดลงถึงแม้จะมีหนังสือหัวเรื่องใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากว่าเดี๋ยวนี้แกลลอรี่หลายแห่ง ช่างภาพ หรือสถาบันต่าง ๆ ก็พากันออกหนังสือของตัวเอง ไม่เฉพาะว่าต้องเป็นหนังสือจากทางสำนักพิมพ์เท่านั้น

ดังนั้นเมื่อมองยอดขาย จะพบว่าหนังสือตัวเล่มมียอดขายลดลง โดยเฉลี่ยยอดขายอยู่ที่ 1,500 เล่มต่อหัวเรื่อง จากที่ปีก่อนหน้าเคยขายได้เฉลี่ย 3,000 เล่มต่อหัวเรื่อง ยกเว้นหนังสือบางเล่มที่เป็นที่กล่าวถึงจริง ๆ ถึงจะทำยอดขายได้ดีอยู่

และที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ เรื่องของการจัดกิจกรรมและเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กลายมาเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญในการสื่อสารปากต่อปากและสร้างยอดขาย การตลาดโดยอาศัยสื่อแบบเดิมช่องทางแบบเดิมไม่สามารถทำตลาดให้กับหนังสือศิลปะภาพประกอบที่มีกลุ่มเป้าหมายในช่วงอายุ 25-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่วิถีชีวิตเกาะติดอยู่กับดิจิตอลแทบตลอดเวลา

ส่วนการตลาดที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือการทำหนังสือร่วมกันกับผู้สนับสนุนรายอื่น ๆ เช่นทำหนังสือหัวเรื่องที่บริษัทยักษ์ใหญ่สนใจร่วมทุน พวกสายการบิน บริษัทเครื่องดื่ม ปิโตรเคมี บริษัทข้ามชาติอื่น ๆ โดยรายได้ครึ่งหนึ่งของหนังสือดังกล่าวก็จะมาจากบริษัทเหล่านี้นั่นเอง

สนับสนุนการทำบทความ กดไลค์ กดแชร์ หรือสามารถบริจาคเงินเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเราได้ที่
ธนาคารไทยพาณิชย์: สาขามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อบัญชี : HEROTHAILAND.COM
บัญชี : ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี : 667-265599-4

Similar Articles

Comments

พื้นที่ลงโฆษณา

สนใจลงโฆษณา ติดต่อ herothailand.com ราคาเพียง 500 บาทต่อปี

Advertisement

โปรโมชั่น 2 ขวด Protriva Black seeds อาหารเสริมน้ำมันงาดำ จำนวน 2 ขวด

Royal Kludge RK68

Royal Kludge RK68 RGB Hotswap USB HUB คีย์บอร์ดเกมมิ่งคีย์ไทย ไร้สายบลูทูธและมีสาย เปลี่ยนสวิตซ์ได้ เลเซอร์ไทย - English

Most Popular

Advertisement SHOPEE THAILAND

บ้านน้องแมว ทำจากไม้