บทความนี้ อ้างอิงจากงานเขียนของ Ariel Gore
เหตุผลที่ฉันหลงรักหนังสือตัวเล่ม
ฉันชอบอินเตอร์เน็ตมากพอ ๆ กับคนเขียนบล็อกคนอื่น ๆ โดยไม่ได้คิดว่าสื่อออนไลน์กำลังทำให้เรากลายเป็นคนโง่กว่าที่เราได้เคยเป็นมา แต่อินเตอร์เน็ตสำหรับฉันแล้วไม่เคยแทนที่หนังสือตัวเล่มได้เลย ฉันรักรูปทรงของหนังสือตัวเล่ม รักความรู้สึกของการจับต้องตัวเล่ม ชอบที่จะได้กลิ่นกระดาษ และรู้สึกคันคะเยอเมื่อมีรายงานข่าวเกินจริงว่าถึงกาลอวสานของตัวเล่มแล้ว
สำนักพิมพ์ที่ไม่่ค่อยมีสมองที่ทำธุรกิจเพียงเพื่อไล่ตามเก็บเม็ดเงินจากค่าโฆษณาอาจต้องเลิกกิจการได้จากการจ่ายเงินล่าช้า แต่ถ้าหากฉันมีบางอย่างจะบอกว่า หนังสือตัวเล่มสามารถอยู่รอดด้วยตัวของมันเองได้ !
เนื่องจากว่าตัวเล่มไม่ได้ตายไปในความรู้สึกของฉัน ไม่มีใครในพวกเราต้องการเวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์มากไปกว่านี้ เราต้องการการรับรู้จากการสัมผัส เป็นสื่อที่เราสามารถถือไว้ในมือ เป็นชนิดของสื่อที่ยอมให้เราไตร่ตรองและแตกหน่อแรงบันดาลใจ ไม่ใช่แค่เพียงแสดงความคิดเห็นได้อย่างรวดเร็วและแข่งขันต่อสู้กันในความเป็นดิจิตอล
ตัวเล่มยังไม่ตาย สำหรับฉันแล้ว ตัวเล่มจะยังคงมีชีวิต ใช่ ! ฉันรักตัวเล่ม เพราะอะไรนะหรือ ?
1. หนังสือทำให้มือสกปรก
ฉันไม่เคยทำงานแบบเข้างาน 9 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น แต่ฉันทำงานมาตลอดทั้งชีวิต โดยได้รับเงินก้อนแรกจากการส่งหนังสือพิมพ์ในตอนเช้าตรู่ที่ยังมืดสนิท ฉันเริ่มทำงานนี้ตอนอายุได้ 8 ขวบและทำต่อเนื่องมาจนถึง 6 ปี มือของฉันเปื้อนหมึกหนังสือพิมพ์ขณะเดียวกันนั้นก็ความมั่นใจในตัวเอง
2. ตัวเล่มทำให้ฉันลดทิฏฐิ
เมื่อตอนที่ฉันกำลังอ่านเรื่องราวดี ๆ บนเว็บไซต์ บางครั้งก็ได้แบ่งปันเรื่องราวเหล่านั้นก่อนที่ฉันจะอ่านมันจนจบเสียอีก เพื่อน ๆ ของฉัน ซึ่งหลายคนไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ก็ “ชอบ” มันในขณะที่ฉันกำลังอ่านมันเสียด้วยซ้ำ ในเวลาที่ฉันอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายฉันเพิ่งจะได้รับคอมเม้นท์สองสามคอมเม้นท์ชมเชยฉันเรื่องที่แนะนำเรื่องราวดี ๆ สิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกมีความสำคัญและสนิทสนมกันกับพวกเขาได้เป็นอย่างดี
3. ตัวเล่มเป็นเพื่อนสนิท
สื่อทุกอย่างเป็นการสื่อสาร แต่การอ่านสัญลักษณ์สีดำบนหน้ากระดาษเป็นรูปแบบการสื่อสารที่คุ้นเคยมากที่สุดที่ยังคงมีอยู่ เครือข่ายสังคมออนไลน์ไม่เคยทุเลาเบาบางความเดียวดายที่มีอยู่ของฉันอย่างแท้จริง
4. ตัวเล่มทำให้จดจำได้ว่ามันมาจากไหน
ฉันมีหนังสือเก่าของแม่อยู่มาก แล้วก็ยังมีหนังสือของยายอีกหลายเล่ม ฉันมีแม้แต่หนังสือของย่าทวดอยู่ราวสองสามเล่ม ฉันรักมันเมื่อเจอมันโดยบังเอิญบนทางเดินที่หนังสือเล่มหนึ่งในนั้นถูกวางไว้ข้างใต้ บางทีฉันจำได้ว่าลายมือที่สั่นเทาจดอะไรบางอย่างไว้ตรงขอบ แม่ของฉันมักจะขีดเส้นใต้ด้วยสีดำ ส่วนย่าชอบที่จะใช้สีแดงขีดเส้นใต้ ส่วนยาทวดใช้ดินสอขีดเส้น แต่ฉันไม่เคยลบคำพูดของพวกเขาออกจากหนังสือเลย
5. ลดความกังวล
ใช่แล้ว คุณสามารถอ่านหนังสือตัวเล่มในขณะที่คุณแช่อยู่ในอ่างได้ ( เชื่อฉัน มันเป็นความคิดที่ซื่อบื้อมากในการนำสมาร์ทโฟนลงไปในอ่างน้ำ )
6. ตัวเล่มมีสเน่ห์
เมื่อตอนที่แฟนของฉันอยู่เตียง สวมแว่นตาอ่านหนังสือและถือหนังสือไว้ในมือของเธอ มันเป็นภาพที่น่าดูมาก เมื่อเธอนั่งตรงนั่นแล้วชำเลืองตามอง iPhone ของเธอ มันยังไม่ค่อยเท่าไหร่ หลังจากนั้นฉันคิดว่าเธอกำลังมีเรื่องราวความลับอะไรบางอย่างใน facebook ของเธอ
7. ตัวเล่มเก็บรักษาความลับของเราไว้
ถ้าหากฉันอ่านบางอย่างออนไลน์ การอ่านของฉันเป็นการตามรอยและหางความคิดของเพื่อนในอินเตอร์เน็ตที่มีความสนใจตรงกับรสนิยมของฉัน และในขณะเดียวกันก็สามารถส่งโฆษณาที่มีเนื้อหาใกล้เคียงตามสิ่งที่ฉันอ่านได้ แต่ถ้าหากฉันสั่งหนังสือจาก Amazon มันยากมากที่ใครสักคนจะเดาได้ว่าฉันกำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่ มันเป็นการศึกษาแบบล่องหน
8. ตัวเล่มมีชีวิตและเก็บรักษาชีวิต
นี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ตัวเล่มถูกกล่าวถึงว่าถึงกาลอวสานแล้ว หากย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 60 คนที่ไม่มีจินตนาการก็จะบอกเหมือนกันว่าโทรทัศน์จะทำให้ตัวเล่มถึงจุดจบเช่นเดียวกัน แต่กับเรื่องราวที่เล่าขานมายาวนานและรูปแบบการเขียนที่เป็นแนวนวนิยายได้ช่วยเพิ่มชั้นความลึกของอารมณ์ให้น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก แน่นอนว่าเราไม่มีปัญหากับอินเตอร์เน็ต เราชื่นชมกับความสามารถของสื่อออนไลน์ในการเน้นจุดไปที่การสื่อสารทางด้านจิตวิทยามากกว่าเน้นจำนวนประชากร แต่การมีสื่อแบบใหม่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการตายของสื่อแบบเก่า ซึ่งต่างก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง