ตอนเด็ก ๆ เราคงจะเคยจินตนาการกันว่า หากถูกปิดประตูขังอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือสวนสนุกหลังเวลาปิดทำการแล้ว คงจะอยากแกะกล่องของเล่นหรือเล่นเครื่องเล่นได้ตามใจปรารถนา อิสระเสรี ฟินสุด ๆ
แต่ในความเป็นจริง ในห้างสรรพสินค้าก็จะมี รปภ.เดินตรวจตราอยู่ แถมปิดไฟ ปิดแอร์ มืด หายใจไม่ออก
…. ….. …..
วกกลับมา แล้วถ้าหากเราเป็นพนักงานคลังสินค้าของ Amazon ซึ่งเป็นค้าปลีกออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสินค้ามากมายตั้งแต่ชิ้นเล็ก ๆ ไปจนถึงชิ้นโต ๆ ที่ต้องใช้รถฟอร์คลิฟท์มายก จำนวนสินค้ามากมายมหาศาล เราจะแอบขโมยสินค้าได้ไหมนะ ใครจะรู้ จะฟินแค่ไหน?
คนเราถ้าไม่มีหิริโอตัปปะหรือความเกรงกลัวต่อบาปแล้ว อยากทำอะไรก็ได้ ใช่ไหม …ชีวิตเป็นของเรา
…. ….. …..
แต่….ไม่ใช่กับที่นี่ Amazon
ทุกเช้าระหว่างที่พนักงานรอตอกบัตรเข้าทำงานที่คลังสินค้า พวกเขาจะเห็นบอร์ดติดประกาศเกี่ยวกับเรื่องราวของพนักงานที่โดนไล่ออกเนื่องจากถูกจับได้ว่าขโมยของ
Amazon มีคลังสินค้าอยู่หลายแห่ง บางแห่งที่ทันสมัยหน่อยก็จะติดทีวีจอแบนพร้อมทั้งมีเรื่องราวตัวอย่างของพนักงานที่ถูกจับได้ว่าเป็นขโมย เพียงแต่ปกปิดชื่อพนักงานเหล่านั้นพร้อมทั้งขึ้นตัวอักษรว่า “เลิกจ้าง” “ไล่ออก” “ดำเนินคดี” ตามมาด้วยรายละเอียดของสินค้าที่พวกเขาขโมยไป มูลค่าเท่าไหร่ ขโมยไปเมื่อไหร่แล้วถูกจับได้อย่างไร พนักงานบางรายใช้วิธีเปลี่ยนแปลงที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้าหรือซุกซ่อนสินค้าไว้ในถุงเท้าก็มี
Amazon ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากถึงกับมีแผนกลดการสูญเสียเพื่อมาดูแลตรงนี้ เนื่องจากคลังสินค้าของพวกเขาเต็มไปด้วยสินค้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากมายที่มีมูลค่ามากรวมถึงอัตราการหมุนเวียนของพนักงานเองก็อยู่ในระดับสูงเนื่องจากค่าจ้างต่ำ
จากการสอบถามพนักงานคลังสินค้าคนหนึ่ง เขาบอกว่าเรื่องราวของขโมยที่นำมาขึ้นจอเพื่อเตือนให้พนักงานคนอื่น ๆ รับรู้นี้ มีหลากหลายมากพอๆ กับแคตตาล็อกสินค้าของ Amazon เลยก็ว่าได้ ไล่ตั้งแต่ DVD , iPad เครื่องประดับ ไฟแช็ค เครื่องสำอางค์ ไมโครเวฟ เคสโทรศัพท์ วิดิโอเกมส์ หรือแม้กระทั่งขโมยอาหารกลางวันของเพื่อนพนักงานด้วยกันเองมันก็ยังทำ !
พนักงานบางคนก็ถูกไล่ออกจากสาเหตุก่อความรุนแรงในที่ทำงาน
แต่พนักงานคลังสินค้าหลายคนบอกว่า พวกเขากังวลกับเรื่องค่าจ้างหรือปริมาณงานที่ต้องทำมากกว่าจะใส่ใจเรื่องราวบนจอนั้นเสียอีก Amazon เพียงแต่ต้องการสื่อสารให้พนักงานทุกคนรับทราบว่า พวกเขากำลังถูกจับตาอยู่นะ อย่าคิดทำอะไรที่ไม่ดีแล้วกัน จะว่าไปก็เหมือนคุกนะ ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยบอกว่า วิธีการที่ Amazon ทำอยู่นี้ เป็นวิธีการที่ช่วยลดการสูญเสียในบริษัทซึ่งเป็นวิธีการแบบเดิม ๆ ที่ทำกันมาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น การค้นตัวพนักงานก่อนออกจากคลังสินค้า ซึ่งมันก็ยังมีคนที่ไม่เคยขโมยของหรือไม่คิดที่จะขโมยของอยู่เหมือนกัน มีคนเพียงหยิบมือหนึ่งที่มักจะขโมยของ คุณต้องพยายามสร้างผลทางจิตวิทยาให้กับคนที่อยู่ในกลุ่มกลาง ๆ ให้พวกเขารู้สึกได้ว่า หากคิดที่จะขโมยของแล้วมีโอกาสถูกจับได้สูงมาก ดังนั้นจงอย่าทำเลย
ในปี 2010 พนักงานคลังสินค้าของ Amazon ในเมืองเพนซิลเวเนีย จำนวนหลายคนมีอาการป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยสาเหตุจากการต้องทนอยู่ในอากาศหนาวนอกคลังสินค้าเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากมีสัญญาณเพลิงไหม้ดังขึ้นและในขณะนั้นเองพนักงานที่ทำงานในคลังสินค้าซึ่งมีอากาศร้อนสวมใส่เพียงเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นต้องรีบวิ่งออกมาด้านนอก แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปพักรอที่อื่นเนื่องจากทาง Amazon เกรงว่าการที่สัญญาณเตือนเพลิงไหม้ดังขึ้นนั้นอาจเป็นการปกปิดหรือหาช่องโหว่เพื่อที่จะขโมยสินค้า….