Ponzi Scheme พอนซิ สคีมก็คือการหลอกลวงให้ลงทุนโดยสัญญาว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงในขณะที่มีความเสี่ยงต่ำหรือไม่มีความเสี่ยงเลย
ฟังดูเหมือนจะดีเกินจริงใช่ไหม ? ใช่ถูกต้องมันฟังดูดีเกินจริง เรียกง่าย ๆ ว่า “เวอร์” นั่นแหละ
ในกรอบของการลงทุนที่ถูกต้องตามกฏหมายนั้น จะมีการนำเงินไปลงุทนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็จะเป็นการนำไปลงทุนผ่านสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างเช่น หุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ เมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร ( ไม่ถึงขนาดเอาไปเทรดในไทม์เฟรม 5 นาทีแล้วได้เงินมาคืน รวดเร็วปานนั้น ) เมื่อสินทรัพย์เหล่านี้มีราคาเพิ่มขึ้นสร้างรายได้มากเพียงพอที่จะจ่ายคืนเงินต้นที่นำไปลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนและหากมีกำไรมากกว่านั้นก็อาจจ่ายผลตอบแทนในรูปของกำไรให้ด้วย
ในทางกลับกัน Ponzi Scheme นั้นจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนว่าจะได้รับผลตอบแทนจำนวนมากในระยะเวลาสั้น ๆ
แล้วทำได้อย่างไร ?
แทนที่จะนำเงินไปลงทุนในการสร้างความมั่งคั่ง Ponzi Scheme นั้นจะอาศัยการชักชวนให้มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้นำเงินที่ได้ไปจ่ายให้กับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนรอบก่อนหน้านั้น ซึ่งแน่นอนว่านักลงทุนที่หลงเข้ามาใหม่ๆ เหล่านี้ก็จะถูกกล่อมให้เชื่อเช่นกันว่าพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนก้อนใหญ่ในเวลาอันสั้น ขณะเดียวกันระบบนี้จำเป็นจะต้องหาผู้ลงทุนกลุ่มใหม่และใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อจะได้มีเงินหมุนไปจ่ายผู้ลงทุนที่เข้ามารอบก่อนหน้า
การลงทุนแบบนี้ก็คือการตักเอาเงินของนักลงทุนรอบใหม่ไปจ่ายให้รอบก่อนหน้า ไม่ได้นำเงินไปลงทุนสร้างความมั่งคั่งหรือลงทุนในหน่วยธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนจริง ๆ ต้องอาศัยการชักชวนให้มีผู้ลงทุนกลุ่มใหม่และใหญ่กว่าเดิมหมุนวนเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ระบบยังคงดำเนินต่อไปได้
จนในที่สุดวันหนึ่งที่ไม่สามารถหาผู้ลงทุนรอบใหม่ได้ทันหรือไม่ก็ถึงรอบที่ต้องจ่ายเงินให้ผู้ลงทุนกลุ่มใหญ่ก่อนหน้านั้นแต่เงินจากผู้ลงทุนรอบใหม่ไม่เพียงพอเพราะรอบนี้มีผู้ลงทุนน้อยกว่ารอบก่อนหน้า อย่างเช่นต้องจ่าย100 คนแต่หาคนเข้ามาลงทุนรอบใหม่ล่าสุดได้แค่ 60 คน แผนธุรกิจจอมปลอมนี้ก็ความแตก เกิดความเสียหาย
คนที่จะได้ประโยชน์คือกลุ่มผู้ชักชวนหรือผู้ที่วางแผนเพราะพวกนี้จะเห็นกระแสเงินที่เข้าว่าเหลือมากน้อยเท่าไหร่ในแต่ละรอบ ก็จะผ่องถ่ายเงินออกไปเก็บไว้ ถ้าคิดในแง่ดีอาจจะเอาเงินที่ผ่องถ่ายไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีอัตราทดสูง หากได้กำไรมาก็สามารถโยกเงินกลับมาจ่ายให้ผู้ลงทุนเพื่อเล่นรอบหาเงินได้เรื่อยๆ แต่ถ้าบังเอิญเอาไปลงทุนแล้วขาดทุน ก็เรียบร้อยตัวใครตัวมัน
ในบางครั้งก็อาจเพิ่มความน่าเชื่อถือเข้าไปให้มีสินค้าจับต้องได้ สมมติทำยาสีฟันสูตรพริกน้ำปลาออกมาเป็นกิฟท์เซ็ทให้ผู้ลงทุนได้เห็นอะไรจับต้องได้ มูลค่า 1,500 บาท ( ต้นทุน 450 บาท ) แล้วก็จ้างทำโฆษณาถ่ายรูปนิด ๆ หน่อยเพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงสร้างความน่าเชื่อถือในตัวสินค้าก็จะได้ทั้งเงินลงทุนและได้ขายสินค้าไปในตัวสองต่อ
แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าการลงทุนของเราไม่ได้อยู่ใน Ponzi Scheme
ทุกคนย่อมได้รับการบอกกล่าวทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการมาเสมอว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน !
เอ้า !! ก็มันเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ล่าสุดเนอะ ใครจะไปคิดทัน ก็นั่นแหละครับ ธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน การลงเดิมพันจึงเกิดขึ้น !! ก็ต้องรับความเสี่ยงให้ได้
วกกลับมามองในสเกลที่ใหญ่ขึ้น หากคนที่ทำ Ponzi Scheme สามารถพิมพ์เงินออกมาจ่ายให้นักลงทุนได้เองจะเป็นอย่างไร ?
หากประเทศมหาอำนาจ พิมพ์เงินออกมาเรื่อย ๆ จะเป็นอย่างไร ?
เราจะตีความว่าเงินคืออะไร มูลค่าของเงินคืออะไร หากมูลค่าของเงินขึ้นอยู่กับความเชื่อโดยไม่ต้องมีอะไรมาค้ำ
Advertisement | ShopeeVolcan Energon 300 ความจุ 100800mAh Portable Multi-function Power Station
ขอโทษนะครับ พอดีหมึกหมด รอปริ้นท์สักครู่นะครับ สร้างกองหนี้ใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็พิมพ์เงินออกมาเรื่อย ๆ เพื่อวนมาใช้หนี้ แล้วเงินนั้นก็หมุนไป หมุนไป สู่กลุ่มคนในวงที่กว้างขึ้น กว้างขึ้น นั่นก็ย่อมก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมา แล้วคนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะเงินเฟ้อคือใคร นักลงทุนกลุ่มแรก ๆ หรือว่าคนจนชายขอบ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการลงทุนคืออะไร รู้เพียงแต่ว่าต้องใช้เงินมากขึ้นในการซื้อของที่ได้ปริมาณลดลง ทำงานทั้งวันทั้งคืนก็ยังไม่พอหาเลี้ยงตัว อำนาจซื้อของผู้คนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งในกรณีที่เป็นเงินเฟ้อรุนแรง เกิดการขาดแคลนสินค้า ราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกสองสามชั่วโมง นำไปสู่หายนะที่แสนเจ็บปวด
ในระบบเศรษฐกิจโลก มูลค่าของเงินวัดได้จากการเปรียบเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เงินเฟ้อสูงขึ้น หลายประเทศจึงเลือกที่จะแทรกแซงตลาด กดค่าเงินตัวเองให้ต่ำเพื่อให้อุตสาหกรรมในประเทศของตนสามารถส่งออกสินค้าแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้
ประเทศที่ค่าเงินอ่อนสามารถผลิตสินค้าได้ในราคาที่ถูกกว่า ทำให้ประเทศอื่นที่เสียเปรียบ จากเมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอะไรสักอย่างก็ต้องย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศซึ่งเราได้เห็นผลดังกล่าวนี้แทบนับไม่ถ้วนในหลายเมืองทั่วโลก บางเมืองยังไม่สามารถฟื้นตัวจากการสูญเสียฐานอุตสาหกรรมหลักของพวกเขาไปจนกระทั่งทุกวันนี้
– แล้วเรากระจายความเสี่ยงไปถือครองคริปโตดีไหม เพื่อสู้เงินเฟ้อ
บทความแนะนำ : หากเพื่อนบ้านไทยจะใช้บิทคอยน์