ร้านหนังสือที่เคลื่อนไปพร้อมกับชุมชน

Listen to this article

เมื่อมองในธุรกิจหนังสือ มักจะมีข่าวสำนักพิมพ์ทุนหนาซื้อกิจการสำนักพิมพ์ขนาดกลางและขนาดเล็กออกมาอยู่เนือง ๆ ทั้งนี้เพื่อขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มเดิมที่เริ่มอิ่มตัว เพิ่มจำนวนรายการหนังสือ รวมทั้งสามารถควบคุมราคาขายทั้งตัวเล่มและช่องทางดิจิตอลได้ครบวงจรยิ่งขึ้น

หากเราพูดเจาะจงลงไปถึงหนังสือขายดีติดอันดับ ในตอนแรกก็จะทำออกมาในรูปแบบหนังสือปกแข็ง มีความสวยงาม แข็งแรงเพื่อให้ลูกค้าที่ชื่นชอบซื้ออ่านและเก็บสะสมไว้  หลังจากนั้นผ่านไป 6-8 เดือนหรืออาจจะเป็นปี ก็จะทำออกมาเป็นหนังสือปกอ่อนในราคาที่ถูกลงและในกลุ่มนวนิยายที่ขายดี ยังจะมีการทำต่อออกมาเป็น mass market paperback คือหนังสือปกอ่อนที่พิมพ์ด้วยกระดาษคุณภาพพอใช้ ราคาค่อนข้างถูก อาจจะพูดได้ว่าให้อ่านทิ้งอ่านขว้างได้ไม่เสียดายหนังสือ ซึ่ง mass market paperback ก็ต้องพิมพ์ออกมาคราวละมาก ๆ เพราะตั้งใจว่าด้วยราคาขายที่ตั้งไว้ถูกก็น่าจะปล่อยขายได้ง่าย ขายได้จำนวนมาก ๆ ลูกค้าจะเป็นใครก็ได้ตั้งแต่คนรักหนังสือไปจนถึงคนหาอะไรอ่านเพื่อฆ่าเวลา

แต่…. ทั้งหมดนี้ เป็นการคาดการณ์ คาดเดาว่า หนังสือเล่มดังกล่าวจะทำยอดขายได้เป็นไปตามที่หวัง และในความเป็นจริงมักจะมีหนังสือราว 20-30% ของที่พิมพ์ออกมากองสุมกันอยู่โดยขายไม่ได้ ซึ่งถ้าโชคร้ายก็จะมีหนังสือค้างสต็อกเหลือมากกว่านั้น แล้วก็จะส่งผลย้อนกลับไปยังห่วงโซ่อุปทานการขายหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นตัวนักเขียน สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ ร้านหนังสือ

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้การจะทำหนังสือออกมาสักเล่มก็ต้องคิดไตร่ตรองใคร่ครวญมากยิ่งขึ้น

ร้านหนังสือกับชุมชน

 

ย้อนกลับไปถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เมื่อสำนักพิมพ์ใหญ่ซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการกัน การพิจารณาคัดเลือก ตีพิมพ์ ทำการตลาดของหนังสือก็ยิ่งเหลือช่องทางน้อยลงไปทุกที นักเขียนอิสระ หนังสือแปลกแหวกแนว หรือหนังสือที่ทางสำนักพิมพ์พิจารณาว่าคงไม่สามารถขายได้หรือทำไปก็ไม่คุ้มก็เป็นเพียงเนื้อหาที่ล่องลอยอยู่ในอากาศเท่านั้นเอง ใครกันจะกล้าเสี่ยงทำหนังสือพิมพ์ครั้งแรกจำนวนมาก ๆ โดยที่ไม่มีดัชนีชี้วัดอะไรประกอบว่าต้องทำยอดขายได้ถล่มทลาย

ดังนั้นหากเราเป็นหน่วยธุรกิจเล็ก ๆ สำนักพิมพ์ขนาดเล็กหรือนักเขียนอิสระและต้องการที่ยืนของตัวเอง เราก็ต้องหาวิธีการใหม่ที่ไม่ใช่การดำเนินไปตามครรลองดั้งเดิมแบบที่ว่ามา

On Demand…..ทำยังไงก็ได้ให้เนื้อหาไปปรากฏต่อหน้าผู้อ่านโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นช่องทางกระดาษหรือดิจิตอล โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของใครว่าเนื้อหาดังกล่าวควรจะได้รับการตีพิมพ์หรือไม่

แน่นอนว่าถ้าเราทำให้ตัวอักษรไปปรากฏลงบนกระดาษได้ หนังสือของเราก็จะออกมา ถ้าคนอ่านสั่งพิมพ์หนังสือของเราได้ด้วยตัวเอง ยืนรออยู่หน้าเครื่องปริ้นท์หรือนั่งจิบกาแฟ จิบเบียร์ รออยู่ในร้านหนังสือระหว่างที่เครื่องพิมพ์หนังสืออย่าง Espresso Book Machine กำลังพิมพ์และเข้าเล่มในเวลาไม่ถึง 15 นาที ให้เราได้หยิบจับหนังสือสด ๆ  ตัวเป็นๆ อุ่น ๆ พร้อมอ่าน

 

หนังสือที่มีคนต้องการจะอ่าน !   ไม่ใช่หนังสือที่พิมพ์มาเกินแล้วในที่สุดกลายเป็นขยะต้องหาที่เอาไปฝังกลบอีก ( แซวกันได้อย่างเจ็บแสบ )

 

แล้วสมมติว่า มีร้านหนังสือตั้งอยู่ในแถบชนบท ชาวบ้านแถบนั้นทำการเกษตร ทำปศุสัตว์ หากวันหนึ่งมีกระแสเรื่องการเลี้ยงวัวนมแถบนั้น เกษตรกรหรือลูกหลานต้องการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลการเลี้ยงวัวนมแล้วพวกเขาเดินไปที่ร้านหนังสือพร้อมทั้งขอให้พิมพ์หนังสือเล่มที่มีการแนะนำกันออกมา อย่างน้อยยอดขายของร้านก็คงกระเตื้องขึ้นกว่าการสต็อกหนังสือที่ชาวบ้านแถบนั้นไม่ได้ให้ความสนใจ เพียงเพื่อให้เต็มชั้นวางดูสวยงามไปเท่านั้น นี่เป็นการวางตำแหน่งธุรกิจตัวเองให้มีความเชื่อมโยงกับพื้นที่เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาด มีเงินหมุน มีสภาพคล่อง และเมื่อได้เห็นแนวโน้มความสนใจของชาวบ้านแถบนั้นแล้ว ร้านหนังสือก็ยังสามารถพิมพ์หนังสือที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันออกมาวางโชว์ไว้หน้าร้าน จับความต้องการของคนในพื้นที่ สร้างความผูกพันขึ้นในชุมชน แตกต่างจากการนำเสนอหนังสือจากส่วนกลางหรือจากสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่

 

ข้อจำกัดเดียวที่ชัดเจนที่สุดคือสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ยังไม่เห็นถึงความสำคัญในจุดนี้ ส่วนมากก็จะสงวนหนังสือ เนื้อหาของหนังสือไว้เพื่อให้บริการกับช่องทางจัดจำหน่ายของตนเองเท่านั้น ต้องการจะควบคุมประสบการณ์ผู้ใช้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

ถ้าหากสำนักพิมพ์ทำระบบหนังสือออนไลน์อยู่บน cloud แล้วแบ่งกำไรกันกับร้านหนังสือที่สั่งพิมพ์หนังสือปลายทางผ่านระบบตัวแทนออนไลน์ของตนเอง จะช่วยลดต้นทุนสต็อก ต้นทุนกระจายสินค้า ต้นทุนการจ้างงาน และต้นทุนระหว่างสายพานการผลิตอีกมากมาย  ไม่ใช่ทุกคนหรือหนังสือทุกเล่มที่เหมาะจะอ่านผ่าน ebook

พอได้ไอเดียอะไรจากตรงนี้บ้างไหมครับ

สนับสนุนการทำบทความ กดไลค์ กดแชร์ หรือสามารถบริจาคเงินเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเราได้ที่
ธนาคารไทยพาณิชย์: สาขามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อบัญชี : HEROTHAILAND.COM
บัญชี : ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี : 667-265599-4

Similar Articles

Comments

พื้นที่ลงโฆษณา

สนใจลงโฆษณา ติดต่อ herothailand.com ราคาเพียง 500 บาทต่อปี

Advertisement

โปรโมชั่น 2 ขวด Protriva Black seeds อาหารเสริมน้ำมันงาดำ จำนวน 2 ขวด

Royal Kludge RK68

Royal Kludge RK68 RGB Hotswap USB HUB คีย์บอร์ดเกมมิ่งคีย์ไทย ไร้สายบลูทูธและมีสาย เปลี่ยนสวิตซ์ได้ เลเซอร์ไทย - English

Most Popular

Advertisement SHOPEE THAILAND

บ้านน้องแมว ทำจากไม้