admin

Advertismentspot_img

e-book กำลังโตวันโตคืน แต่ห้องสมุดกลับตกอยู่ในภาวะลำบาก

รายงานช้ินใหม่จาก สมาคมห้องสมุดอเมริกัน ระบุว่า ทั้ง ๆ ที่ห้องสมุดมีจำนวน e-book สำหรับให้บริการเพ่ิมขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ห้องสมุดเองก็กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ยิ่งมีความต้องการใช้ e-book เพิ่มขึ้นเท่าใด เงินอุดหนุนที่ห้องสมุดได้รับก็ลดลง ห้องสมุดกว่า 75% ในปัจจุบัน มี e-book ให้บริการ เพ่ิมขึ้นจากปีที่แล้วที่มีห้องสมุดเพียง 67.2% ในจำนวนนี้มี 39% ที่ให้ยืมเครื่องอ่าน e-book ด้วย นอกจากนี้ มีห้องสมุดราว 14% ที่ทำเว็บไซต์ของตนให้รองรับรับกับการแสดงผลบนอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์มือถือ และมีห้องสมุดราว 7% ที่มี app

การเติบโตของ Freelance เพิ่มขึ้น

คำว่า Freelance ดูจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจเสียยิ่งกระไร กับการที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ เลือกเวลาทำงานได้เองตามปรารถนา แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีความมั่นคงในหน้าที่การงานสักเท่าไหร่ หรือบางทีอาจต้องทำงานมากกว่าพนักงานประจำก็ได้ ซึ่งตรงนี้เราอาจคาดไม่ถึง เมื่อใครสักคนตัดสินใจก้าวออกมาจาก Comfort Zone เพื่อมาหาสิ่งท้าทายใหม่ ๆ ที่เรายังไม่รู้อะไรถ่องแท้เกี่ยวกับมันมากนักถือเป็นก้าวสำคัญอีกครั้งของขีวิต แต่สำหรับโลกของการออกแบบแล้ว Freelance กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง

Library 3.0

ดูเหมือนว่าห้องสมุดกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วสำหรับสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ แต่สำหรับเด็กเล็ก ๆ แล้ว การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือว่ายังไม่รวดเร็วพอ และสำหรับวัยนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแล้ว การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือว่าไม่ช้าไม่เร็ว ประสบการณ์กับห้องสมุดของพวกเขาเป็นสิ่งที่เหมือนกับการเล่นกระดานโต้คลื่น ต้องพยายามไต่อยู่บนสันคลื่นที่กำลังเคลื่อนที่อยู่เสมอ

ข่าวดีสำหรับทุกคน เมื่อ ebook ไม่มี DRM

การตัดสินใจของสำนักพิมพ์ Tor Books ที่จะเลิกใช้ การจัดการสิทธิดิจิตอล DRM ( DIgital Rights Management ) นั้นเป็นการส่งสัญญาณว่าได้เริ่มต้นจุดสิ้นสุดสงครามรูปแบบที่หลากหลายของ e-book เมื่อปลายเดือนเมษายน Tor Books สำนักพิมพ์นวนิยายวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งบริษัทลูกอย่าง Tor UK ที่มีสำนักงานในอังกฤษ ได้ประกาศว่า ทางสำนักพิมพ์จะเลิกใช้ Digital Rights Management (DRM ) กับ e-book ของทางสำนักพิมพ์ทุกเล่มในฤดูร้อนนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ธุรกิจส่ิงพิมพ์ นี่เป็นการเริ่มต้นจุดจบสำหรับ DRM ซึ่งผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และสำนักพิมพ์ใช้มันเพื่อจำกัดการใช้เนื้อหาดิจิตอลของพวกเขาภายหลังการขาย ถือว่าเป็นข่าวดี ไม่ว่าคุณจะเป็นสำนักพิมพ์ นักเขียน หรือนักอ่าน หรือใครสักคนที่หยิบหนังสือมาอ่านเพียงปีละครั้ง

Amazon กำลังฝังตัวเองเข้าไปในวิถีชีวิตอเมริกันชน

Amazon เป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 56 ของสหรัฐฯ เมื่อวัดจากมูลค่าตลาดของบริษัทและใหญ่เป็นอันดับที่ 15 ของสหรัฐฯ ในบรรดาร้านค้าปลีกโดยวัดจากรายได้และยังเป็นร้านค้าปลีกบนอินเตอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย สำหรับประเทศที่ดูเหมือนว่าจะถูกครอบงำโดยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ Amazon ยังมีพื้นที่ให้โตได้อีกมาก Raymond James นักวิเคราะห์ที่ Aaron Kessler ประเมินว่า การขายสินค้าด้วยอีคอมเมิร์ซคิดเป็นตัวเลขคร่าว ๆ ราว 12% ของยอดขายปลีกทั้งหมด และตัวเลขดังกล่าวสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้ภายในอีกสิบปีข้างหน้านี้

จับตามอง Google หากบรรลุข้อตกลงกับสมาคมสำนักพิมพ์อเมริกัน

ช่วงนี้ข่าวในแวดวงหนังสือต่างประเทศที่น่าสนใจ คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของ Google กับ สมาคมสำนักพิมพ์อเมริกันซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการบรรลุข้อตกลงในเรื่องเกี่ยวกับโครงการสแกนหนังสือของ Google ซึ่งดูจากทีท่าแล้วเหมือนเป็นการรอมชอมในส่ิงที่มีการฟ้องร้องต่อสู้กันมากว่า 7 ปี ตั้งแต่ที่ Google ได้เริ่มโครงการสแกนหนังสือให้เปลี่ยนมาอยู่ในรูปดิจิตอลนั้น นับเป็นเวลาเกือบสิบปี และในระหว่างนั้นก็ถูกฟ้องร้องโดยสมาคมสำนักพิมพ์อเมริกันและสมาคมนักเขียนเนื่องจากว่าการสแกนหนังสือนั้นเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่จากการตกลงกับสมาคมสำนักพิมพ์อเมริกันได้นั้น ส่งสัญญาณให้เห็นว่า Google อาจดำเนินการสแกนหนังสือต่อไปได้ซึ่งมองในทางทฤษฎีแล้วน่าจะส่งผลดีกับทุกคนรวมทั้งทำให้การซื้อชายหนังสือง่ายดายขึ้นอีกมาก ยกเว้น Amazon

เมื่อยอดขาย e-book โตขึ้นและร้านหนังสือตามท้องถนนเริ่มหายไป

เมื่อยอดขาย e-book โตขึ้นและร้านหนังสือตามท้องถนนเริ่มหายไป ยอดขายหนังสือตัวเล่มก็ตกลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนการอธิบายผลกำไรที่ตกลงอย่างฮวบฮาบของ Penguin Group USA ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2012 นั้น David Shanks ซีอีโอของ Penguin Group USA กล่าวว่า ปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากคือการลดลงของยอดขายหนังสือ Blacklist โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มหนังสือ Classics ดังนั้นการพังทะลายของสายโซ่ดังกล่าวจึงส่งผลต่อ Penguin มากกว่าสำนักพิมพ์อื่น ๆ ที่นำเสนอ Backlist อย่างเดียวกัน

Amazon อาจซื้อร้านหนังสือในบราซิล?

ตามปกติร้านหนังสือไม่ค่อยส่งผลอะไรที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนแก่ตลาดหลักทรัพย์ในบราซิล เนื่องจากมีเชนร้านหนังสือ Saraiva SA Livreiros Editores ซึ่งเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในบราซิลเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่เมื่อวันพุธที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมากลับมีเรื่องตื่นเต้นขึ้นในตลาดหลักทรัพย์เพียงแค่ไม่กี่นาทีก่อนตลาดปิด โดยหุ้นของ Saraiva ทะยานขึ้นไปถึง 28 เรอัลบราซิลต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่สูงที่สุดในรอบ 12 เดือนของบริษัทฯ โดยอ้างอิงจากรายงานของ Bloomberg ที่ระบุว่า Amazon อยู่ระหว่างการพูดคุยถึงการเข้าซื้อกิจการของ Saraiva

admin

Advertismentspot_img